กรุงเทพฯ 10 พ.ค.- คณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มีมีมติ ร่างกฎหมายสอบสวนใหม่ ให้ประชาชนแจ้งความได้ทุกสถานีตำรวจ ทำเอกสารหายไม่ต้องไปแจ้งความ ให้แจ้งต่อหน่วยงานที่ออกเอกสารเลย
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ มีมติให้จัดทำกฎหมายกลางเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์ในการสอบสวน เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกและได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น หลักการสำคัญที่จะได้รับการบรรจุ คือ กำหนดให้ประชาชนสามารถแจ้งความได้ในทุกสถานี ไม่เฉพาะแต่ในสถานีท้องที่เกิดเหตุเท่านั้น โดยสถานีที่รับแจ้งความ หากไม่ใช่สถานีท้องที่เกิดเหตุจะเป็นผู้ส่งรายละเอียดไปยังสถานีท้องที่เกิดเหตุเอง นอกจากนี้ ให้ทุกสถานีมีอำนาจสอบสวนคดีที่ไม่ได้เกิดในท้องที่ของตนได้ด้วย เช่น คดีที่เกิดขึ้นในขบวนรถไฟที่เคยอยู่ในเขตอำนาจของตำรวจรถไฟ คดีที่เกิดขึ้นในทางหลวงแผ่นดินสายที่เป็นเขตอำนาจของตำรวจทางหลวง
นายคำนูณ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ประชาชนทำเอกสารหาย ไม่จำเป็นต้องไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันแล้วนำบันทึกประจำวันนั้นไปยังหน่วยงานผู้ออกเอกสารเพื่อให้ออกเอกสารใหม่ให้อีกต่อไป แต่จะกำหนดให้สามารถไปแจ้งที่หน่วยงานผู้ออกเอกสารนั้นที่เดียวได้เลย สำหรับคดีที่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ อาจตั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษนั้น ๆ เป็นผู้ช่วยพนักงานสอบสวน หรือที่ปรึกษาพนักงานสอบสวน
โฆษกคณะกรรมการฯ กล่าวว่า หลักเกณฑ์การเข้ามาร่วมสอบสวนของพนักงานอัยการนั้น กำหนดให้ต้องพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหาไว้ในสำนวนคดีตั้งแต่ต้นด้วย ไม่ใช่เฉพาะพยานหลักฐานที่ปรักปรำผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น
นายคำนูณ กล่าวว่า สำหรับประเด็นภารกิจของหน่วยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จะยังอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไปเหมือนเดิม หรือถ่ายโอนภารกิจให้หน่วยงานอื่นนั้น หลังจากที่คณะกรรมการฯ รับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน จากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนจากกระทรวง มหาดไทยแล้ว ที่ประชุมเห็นควรให้รอการพิจารณาไว้ก่อน เพื่อรอผลความคืบหน้าในการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เรื่องภาพรวมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการคนเข้าเมืองทั้งระบบ
นายคำนูณ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้พักการประชุมคณะกรรมการฯ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ฝ่ายเลขานุการและคณะทำงานที่ได้รับมอบหมายไปจัดทำร่างกฎหมายและร่างกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้ตกลงกันมาตลอดการประชุมทั้ง 9 ครั้ง นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 เมษายนเพื่อนำมาพิจารณากันในรายละเอียดต่อไป.-สำนักข่าวไทย