ธากา 30 เม.ย. – เจ้าหน้าที่การทูตของสหประชาชาติกล่าวหลังสิ้นสุดการเยือนค่ายผู้อพยพในบังกลาเทศวันนี้ว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติจะผลักดันให้เมียนมารับประกันว่า ชาวมุสลิมโรฮิงญาสามารถเดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยและอย่างเสรี
นายมานซาวร์ อัล-โอตาอิบี ทูตคูเวตประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า เรื่องการอพยพของชาวโรฮิงญาที่ข้ามชายแดนเมียนมาไปยังบังกลาเทศนั้น ถือเป็นวิกฤติด้านมนุษยธรรมและเป็นประเด็นด้านสิทธิมนุษยนชน นายอัล-โอตาอิบี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในเรื่องนี้ หลังคณะผู้แทนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเสร็จสิ้นการเยือนบังกลาเทศเป็นเวลา 3 วันในวันนี้และกำลังมุ่งหน้าต่อไปยังเมียนมา เขากล่าวว่า สถานการณ์ทีเกิดขึ้นจะปล่อยไว้โดยไม่มีทางออกไม่ได้ และคณะของเขาต้องการจะส่งข้อความไปถึงรัฐบาลเมียนมา ผู้อพยพโรฮิงญาและทั่วโลกว่า พวกเขามุ่งมั่นที่จะหาทางออกให้กับวิกฤติการณ์เรื่องนี้ นายอัล-โอตาอิบี กล่าวว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะต้องแสดงเจตนารมย์ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่สามารถนิ่งเฉยกับเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ เขากล่าวว่า คณะมนตรีความมั่นคงฯ จะพยายามหาหนทางและแนวทางในการเร่งการริเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงส่งตัวกลับประเทศที่บังกลาเทศและเมียนมาได้ลงนามไว้ เพื่อให้ผู้อพยพได้เดินทางกลับประเทศได้อย่างปลอดภัย เสรี และสมัครใจ และเป็นการเดินทางกลับบ้านอย่างมีศักดิ์ศรี
คณะทูตจากสมาชิก 15 ชาติคณะมนตรีความมั่นคงฯ เดินทางไปยังค่ายผู้อพยพชาวโรฮิงญาในเมืองค็อกซ์บาซาร์ ของบังกลาเทศเมื่อวานนี้ บางคนร่ำไห้ในขณะที่เล่าเหตุการณ์น่ากลัวที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ที่ชาวโรฮิงญาราว 700,000 คนต้องอพยพหนีภัยความรุนแรงในการกวาดล้างของกองทัพเมียนมาเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว คณะทูตยังได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีชีค ฮาสินา ของบังกลาเทศ เมื่อตอนเช้าวันนี้ ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไปยังเมียนมา ซึ่งจะได้พบและพูดคุยกับนางอองซาน ซูจี มนตรีแห่งรัฐ จากนั้น คณะทูตจะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ไปยังรัฐยะไข่เพื่อดูซากของหมู่บ้านโรฮิงญาที่ถูกเผาในระหว่างการใช้ความรุนแรง.-สำนักข่าวไทย