กรุงเทพฯ 18 เม.ย. – ปตท.เล็งกระจายหุ้นถ่านหินในต่างประเทศหลังมีกำไร และแนวโน้มถ่านหินแข่งขันยากในยุคพลังงานสะอาด
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ได้แสดงความเห็นส่วนตัวในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนว่า ปตท.ไม่ควรขยายธุรกิจถ่านหินเพิ่มจากที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่หากสามารถขายได้ราคาดีก็ควรจะพิจารณาด้วย เพราะระยะยาวพลังงานหมุนเวียนจะเป็นเชื้อเพลิงหลักมากกว่าเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ยกเว้นธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีอนาคต เพราะเป็นเชื้อเพลิงสะอาด อย่างไรก็ตาม ปตท.กำลังพิจารณาหลายทางเลือก โดยการกระจายหุ้นธุรกิจถ่านหินในต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย หรือสิงคโปร์ ปตท.อาจจะได้กำไรมากกว่าการขายธุรกิจให้แก่รายใดรายหนึ่ง
“บริษัทถ่านหินที่ ปตท.ถือหุ้น คือ SAR ขณะนี้มีกำไรแล้ว ภาระภาษีในอดีตก็มีการจ่ายไปแล้ว ดังนั้น การพิจารณาทางเลือกด้วยการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง” นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
ปัจจุบัน ปตท.ถือหุ้นร้อยละ 94.56 ในบริษัท Sakari Resources Limited (SAR) ทำธุรกิจเหมืองถ่านหิน Sebuku และ Jembayan ในอินโดนีเซียที่มีการผลิตแล้ว และยังถือหุ้นร้อยละ 35 ในโครงการที่บรูไน ซึ่งได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการศึกษาแหล่งถ่านหิน และถือหุ้นร้อยละ 80 ในโครงการสำรวจแหล่งถ่านหินใน มาดากัสการ์
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม ปตท. และว่าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.คนใหม่ เปิดเผยว่า ปตท.จะยังคงเดินหน้าเพื่อต่อยอดธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซีย โดยพิจารณาถึงการสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่ยังต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้ข้อพิพาทเกี่ยวกับคดีมอนทาราระหว่างกลุ่ม ปตท.กับรัฐบาลอินโดนีเซียนั้นเริ่มมีทิศทางดีขึ้น ก็จะทำให้มีโอกาสการลงทุนใหม่มากขึ้นด้วย ซึ่งขณะนี้ธุรกิจถ่านหินนับว่ามีกำไรแล้ว.-สำนักข่าวไทย