อิหร่าน 2 ม.ค.-การเดินขบวนประท้วงในอิหร่านยังคงดำเนินต่อไปเป็นวันที่ 5 แม้ประธานาธิบดีจะออกมาประกาศว่าการประท้วงไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อรัฐบาลก็ตาม ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงเพิ่มเป็น 13 คน
การชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่เริ่มต้นมาตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้วในเมืองมาชาด โดยเริ่มจากประชาชนไม่พอใจที่สินค้ามีราคาแพงและลุกลามไปทั่วประเทศ ยังคงดำเนินต่อไป แม้จะมีรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตจากเหตุรุนแรงในการประท้วงก็ตาม ขณะที่มีผู้ประท้วงเสียชีวิตเพิ่มอีก 10 คน เมื่อคืนที่ผ่านมา ระหว่างชุมนุมประท้วงภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากประท้วงเพิ่มเป็นอย่างน้อย 13 คน การประท้วงยังคงทวีความรุนแรง เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงทุบทำลายกระจกหน้าต่างธนาคารและธุรกิจห้างร้าน
ด้านประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ออกมาประกาศว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของพวกฉวยโอกาส และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อรัฐบาล หากมีการละเมิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยินดีที่จะรับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนเรื่องมาตรฐานการครองชีพ และข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นต่างๆ ขณะที่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติก็ได้ออกมาเตือนอย่างแข็งกร้าวว่าหากการประท้วงกลายเป็นความรุนแรงก็จะถูกปราบปรามอย่างเด็ดขาดแน่นอน
มหาอยาตอลเลาะห์ ซาเดก อาโมลี-ลารีจานี แห่งกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาเรียกร้องให้กวาดล้างพวกฉวยโอกาสก่อความรุนแรงอย่างเฉียบขาด ซึ่งมีรายงานว่ามีผู้ถูกจับกุมไปแล้วอย่างน้อย 400 คน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้ทวีตข้อความสนับสนุนการประท้วง โดยกล่าวว่าประชาชนอิหร่านถูกกดขี่มานานแล้ว ดังนั้น จึงทั้งหิวโหยและโหยหาอิสรภาพในการแสดงออก พร้อมยุชาวอิหร่านว่ายุคแห่งความเปลี่ยนแปลงได้มาถึงแล้ว
ขณะเดียวกันรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ได้ออกมาทวีตข้อความที่แข็งกร้าวว่า การเคลื่อนไหวของประชาชนอิหร่านในขณะนี้เป็นความหวังและศรัทธาของผู้ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและต่อต้านทรราชย์ ซึ่งจะปราชัยไม่ได้ ซึ่งประธานาธิบดีอิหร่านได้ออกมาตอบโต้ว่าสหรัฐเป็นศัตรูของชาวอิหร่าน คำกล่าวของผู้นำสหรัฐจึงไม่มีความหมายใดๆ.-สำนักข่าวไทย