สำนักข่าวไทย 13 ธ.ค.-นายกสภาการแพทย์แผนไทย ย้ำ”บอย”ตามข่าวหลอกมีเซ็กส์กับผู้อื่น ไม่ใช่ข้าราชการหรือลูกจ้างของกระทรวงสาธารณสุข เป็นเพียงพนักงาน จ้างเหมาของสำนักงานสภาการแพทย์แผนไทยและพร้อมจะไล่ออกหากพบกระทำผิดจริง
นพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะนายกสภาการแพทย์แผนไทย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทย ว่า จากเหตุมีกระแสข่าวทาง Facebookและสื่อออนไลน์ ว่ามี”มิจฉาชีพหัวหมอ หลอกเยาวชนและวัยรุ่นมามีเซ็กส์และอัดคลิปรีดไถเรียกเงินแบล็คเมล์ เหยื่อเหลือทนขอความเป็นธรรม” โดยผู้ร้องได้ลงข้อความลงใน Facebook เพจแหม่มโพธิ์ดำตีแผ่เรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่งที่หลอกมีเซ็กส์ กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีและขู่เอาเงิน ว่าจะเอาคลิปไปเผยแพร่โดยผู้ใช้แอคเคาท์ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ชื่อว่า”สำส่อน””ผงชูรส”หรือ “บอย”นั้น ข้อเท็จจริงคือบุคคลที่มีการกล่าวอ้างว่าชื่อ”บอย”ได้สมัครเป็นพนักงานจ้างเหมาบริการของสภาการแพทย์แผนไทย ได้เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.2560 จนถึงปัจจุบันซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาสัญญาการจ้างว่าจะจัดจ้างต่อหรือไม่
อย่างไรก็ตามขณะนี้บุคคลดังกล่าวได้ขอลากิจไปทำธุระส่วนตัวตั้งแต่วันที่ 12-13 ธ.ค.2560 ซึ่งสำนักงานสภาการแพทย์แผนไทยได้สั่งให้หยุดการทำงานและไม่ได้รับเงินเดือน และขณะนี้อยู่ระหว่างการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงถึงกรณีดังกล่าวเพื่อดำเนินการตามระเบียบสภาการแพทย์แผนไทยว่าด้วยเจ้าหน้าที่สภาการแพทย์แผนไทยพ.ศ. 2560
นพ.พิเชฐ กล่าวต่อไปว่า การกระทำดังกล่าวนี้ถือเป็นการกระทำในฐานะส่วนตัวและไม่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสำนักงานสภาการแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นองค์กรแต่อย่างใด
“คนที่ชื่อบอยเป็นพนักงานจ้างเหมาที่สำนักงานสภาการแพทย์แผนไทยจ้างมาทำงานในช่วงที่สภาการแพทย์แผนไทย มีภารกิจ ในการจัดการ วาง ระบบจัดทำทะเบียน ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย ซึ่งมีจำนวนนับ 10,000 คน ทั่วประเทศซึ่งถือเป็นงานเร่งด่วน และจะมีการประเมินผลงานทุก3เดือน ซึ่งหากบอยทำผิดก็รณีนี้จริง สำนักงานสภาการแพทย์แผนไทยก็ มีสิทธิ์ไล่ออกได้ทันที” นพ.พิเชฐ กล่าว
นพ.พิเชฐ ยังกล่าวฝากให้คนในสังคมพินิจพิเคราะห์ กับหลายกรณีที่เกิดเป็นข่าวในโซเชียล คิดว่าเป็นเหตุที่เกิดจากบุคคลนั้นๆบางครั้งอาจมีการเชื่อมโยงไปถึงต้นสังกัด เช่น กรณีนี้และขอให้ผู้ที่ใช้ความใกล้ชิดหรือเป็นเพียงผู้เคยทำงานให้กับหน่วยราชการไปแอบอ้างกระทำผิดใดๆให้ตระหนักเสมอว่า ความผิดที่ได้กระทำไปจะไม่หายไปไหนและจะเป็นตราบาปให้ไม่มีหน่วยงานใดรับคนกระทำผิดนั้นเข้าทำงานอีก.-สำนักข่าวไทย