ราชบุรี 1 ธ.ค.-เปิดใจสาวแบงค์ที่รู้เท่าทันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมแฉพฤติกรรมหลอกลวงผ่านทางเฟซบุ๊ก ด้านตำรวจตามรวบหนุ่มเจ้าของบัญชีได้แล้ว อ้างไม่รู้เรื่อง แค่รับจ้างเปิดบัญชี
หลังจากมีการแพร่ภาพสดของสาวแบงก์คนหนึ่งที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกว่าบัญชีธนาคารของตนเองนั้นมีปัญหา และพัวพันกับการกู้เงินกับธนาคารแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ และให้โอนเงินไปทำการตรวจสอบเลขที่ธนบัตร ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะโอนคืนให้ ทำให้สาวแบงก์คนนี้ตัดสินใจแพร่ภาพสดทางเฟซบุ๊ก เพื่อแฉพฤติกรรมของแก๊งนี้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ย.60 ที่ผ่านมา
(30 พ.ย.60 ) ผู้สื่อข่าวจึงได้ตรวจสอบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวที่แพร่ภาพสดนั้นเป็นใคร จนทราบว่า คือนางสาวมารีนา แสงฉาย เป็นพนักงานธนาคารอยู่ที่ธนาคารแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าชื่อดังเมืองราชบุรี จึงได้ติดต่อขอพูดคุย โดยนางสาวมารีนา ได้เปิดใจเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ว่า มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาบอกว่า เราไปกู้เงินกับธนาคารแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ซึ่งก็มั่นใจว่าไม่มีการไปกู้เงินอยู่แล้ว จึงพยายามหลอกถามข้อมูลทุกอย่างและมีการนำผู้กอง สารวัตร มากล่าวอ้าง จึงได้เล่นตามเกมส์ไปเรื่อยๆ ซึ่งการพูดของแก๊งนี้น่าเชื่อถือมาก สภาพแวดล้อมน่าเชื่อถือ มีการใช้วิทยุสื่อสารไปบอกและบอกให้เช็กได้ว่ามาจากไหน น่าสนใจมากเพราะทำกันเป็นทีม คุยมาจนกระทั่งชั่วโมงกว่า จึงได้รวบรัดตัดตอนขอเลขบัญชี และแกล้งทำเป็นร้องไห้ เมื่อทางแก๊งเห็นว่าเราเชื่อจึงให้ไปทำรายการที่ตู้เอทีเอ็ม โดยให้กดเงินออกมาทั้งหมดและส่งไปให้เขาตรวจสอบ ซึ่งตนเองก็บอกว่ามีอยู่เงินอยู่ 250,000 บาท ทางแก๊งก็บอกว่าให้ส่งไปตรวจหมายเลขธนบัตร 200,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาทให้เอาไว้ใช้ ตนเองก็แกล้งไปทำรายการที่ตู้ จนได้ข้อมูลทุกอย่าง และส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแล้ว
ส่วนการแพร่ภาพสดนั้นเพราะอัดวิดีโอจนความจำในโทรศัพท์เต็ม จึงตัดสินใจแพร่ภาพสดทางเฟซบุ๊ก ไม่คิดว่าจะมีคนดูขนาดนั้น และก็อยากฝากเตือนถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็อย่าไปกลัว และถ้าจะมีการฟ้องร้องหรืออายัดทรัพย์สินนั้นเขาจะไม่มีการโทรมาก่อน แต่จะส่งหนังสือที่มีตราครุฑแจ้งเตือนมา และเราทำอะไรเราต้องรู้อยู่แล้ว และถ้ามีญาติผู้ใหญ่เราควรจะใส่ใจดูแลอย่าให้คนเหล่านี้มาหลอกได้ อย่างไรก็ตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พนักงานธนาคารได้ซ้อนแผนหลอก และให้โอนเงินเข้าบัญชีที่กำหนดไว้ ซึ่งปรากฏเป็นชื่อของนายพลูสวัสดิ์ คำภิระแปง อยู่บ้านเลขที่ 163 ถ.ประตูม้า ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง
วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำปาง นำโดย พ.ต.ท.จิรัฏฐ์ จิรพัชรศิรพร รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองลำปาง นำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 163 ถ.ประตูม้า แต่ปรากฏว่าบ้านปิดเงียบมีเพียงสุนัขที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้านเท่านั้น จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกระจายกำลังออกติดตาม จนพบว่านายพลูสวัสดิ์ หรือโย เป็นช่างซ่อมรถ และทำงานอยู่ที่ร้านซ่อมรถใกล้บ้านจึงได้ไปติดตามสอบถามจนกระทั่งทราบว่า นายโย ได้เดินทางออกไปยังธนาคารเพื่อจะปิดบัญชี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปและพบตัวจริงจึงได้นำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองลำปาง
นายพลูสวัสดิ์ คำภิระแปง อายุ 37 ปี ได้ให้การว่า ตนเองยอมรับว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้คนแปลกหน้าจริง แต่ไม่รู้ไม่เห็นกับการนำสมุดบัญชีไปกระทำความผิดใดๆ โดยนายพลูสวัสดิ์ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ได้มีคนมาชักชวนแต่ไม่รู้จัก รู้แต่ว่าเป็นคนจังหวัดลำปาง โดยเสนอเงื่อนไขเพียงแค่ว่า ให้ไปเปิดบัญชีและนำสมุด บัตรเอทีเอ็ม มาให้ หลังจากนั้นหนึ่งเดือนก็ให้ไปปิดบัญชี ก็จะได้รับเงินหนึ่งพันบาท ซึ่งไม่คิดว่าจะมีเรื่องราวใหญ่โตอะไร เพียงแค่การเปิดบัญชีให้เท่านั้น จึงได้ไปเปิดบัญชีธนาคารซึ่งจำได้ว่าในวันนั้นได้มีคนที่ถูกชักชวนไปเปิดบัญชีด้วยกันสองคน เมื่อเปิดบัญชีและได้สมุดและบัตรมาแล้วก็ให้กับคนที่มาชักชวนไปและก็ได้รับเงินมาหนึ่งพันบาท ซึ่งตั้งแต่เปิดบัญชีจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ครบเดือน ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุในลักษณะนี้ จนกระทั่งมีข่าวออกมาเมื่อวานนี้ ตนเองก็ตกใจและวันนี้จึงจะรีบไปปิดบัญชี และจะมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองลำปาง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตนเองว่าไม่มีส่วนรู้เห้นกับการหลอกหลวงดังกล่าว แต่ยอมรับว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง
ส่วนการดำเนินคดีนั้นขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ เพราะยังไม่มีผู้เสียหาย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นและอยู่ในพื้นที่ของจังหวัดลำปาง จึงได้นำตัวนายพลูสวัสดิ์ มาสอบปากคำเพื่อรวบรวมข้อมูลไว้ในเบื้องต้นก่อน ขณะที่นายพลูสวัสดิ์ เองก็ยินดีให้ข้อมูลและต้องการมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนเองด้วย ส่วนหลังจากนี้หากมีผู้เสียหายที่เกิดจากการกระทำของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และได้โอนเงินเข้าบัญชีของนายพลูสวัสดิ์จริงและผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปอีกครั้ง
ด้าน นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุดลูกค้าบุคคล และผู้บริหารสูงสุดเครือข่ายสาขา ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทางผู้บริหารชื่นชม น.ส.มารีนา ที่มีความกล้าหาญ เสียสละที่จะช่วยป้องกันมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดขึ้น แต่เป็นห่วงมากที่สุดเรื่องความปลอดภัยของพนักงานของเรา เนื่องจากยังต้องทำงานอยู่ในพื้นที่ เมื่อไปให้ข่าวกับสื่อมวลชนแล้วก็ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยของเขาต่อไป โดยยืนยันจากกระแสข่าวในโลกโซเชียลว่า จะถูกทางธนาคารลงโทษหรือไม่นั้น ธนาคารไม่มีนโยบายที่จะลงโทษพนักงานตามที่มีกระแสข่าวออกมา
เมื่อถามว่า มีเฟซบุ๊กทนายความรายหนึ่งระบุว่า การที่พนักงานธนาคารไปค้นข้อมูลเลขที่บัญชีที่ได้รับจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า มีความผิดหรือไม่ นายสารัชต์ เห็นว่าเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เป็นนโยบายธนาคารอยู่แล้วที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวลูกค้า แต่ทุกอย่างก็ต้องดูเหตุผลและผลกระทบ เช่น วัตถุประสงค์ พนักงานตั้งใจที่จะเอาข้อมูลลูกค้าเอาไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นหรือไม่ พร้อมย้ำธนาคารจะไม่มีการลงโทษใดๆ แก่พนักงานรายนี้แน่นอน.-สำนักข่าวไทย