กทม.21 พ.ย.- มีการแถลงผลการปราบปรามขบวนการล้มบอลไทย 12 คน ระวางโทษทั้งจำและปรับ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯเชื่อ ล็อกผลบอลมีมานับ 10 ปี ไม่เว้นนัดไทย-กัมพูชา เตะในซีเกมส์ที่มาเลย์
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงข่าว การปราบปรามขบวนการล้มบอลไทย หลังมีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับขบวนการดังกล่าว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตำรวจมีการตั้งคณะทำงานสืบสวนข้อเท็จจริง ประกอบด้วยตำรวจในสังกัด บช.น. และ บช.ก. กว่า 30 นาย ใช้เวลาตรวจสอบเกือบ 1 ปี จนขอศาลออกหมายจับและเข้าจับกุมผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งมีทั้งนักฟุตบอล กรรมการ และนายทุน ตั้งแต่คืนก่อน แล้ว อนุญาตให้ประกันตัว หากพยานหลักฐานพาดพิงถึงผู้ใด ก็พร้อมดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น จากข้อมูลพบขบวนการดังกล่าวเป็นกลุ่มนายทุน กลุ่มใหญ่ที่เชื่อมโยงกับนายทุนทั้งในและต่างประเทศ แม้แต่ทีมตำรวจก็ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับมาเฟียด้วยเหมือนกัน ส่วนบทลงโทษ เป็นไปตาม พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ (พ.ร.บ.กีฬาอาชีพ)พ.ศ.2556 ที่ว่าด้วยการกระทำผิด ส่วนดังกล่าวอยู่ในส่วนที่ 2 โทษอาญาระบุโทษไว้ว่า”ผู้จ้างวานและนักเตะล้มบอล” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ปรับ 200,000-500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ตัดสินที่ยอมรับเงินเพื่อตัดสินเอนเอียง ต้องโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 300,000-600,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมเรียกร้องให้สโมสรดูแลตรวจสอบนักกีฬาในสังกัด
ด้านพลตำรวจเอกสมยศ ยอมรับก่อนหน้านี้ มีคนสอบถามมาเป็นจำนวนมาก ว่ามีการล็อกผลบอลจริงหรือไม่ จึงหารือร่วมกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานโดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนตัวเชื่อว่าการล็อกผลบอล มีมาเป็น 10 ปี แต่ไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ผู้มีอิทธิพลในวงการฟุตบอลในอดีต จะใช้วิธีเสนอผลประโยชน์เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง เนื่องจากมีผลประโยชน์เกิดขึ้นมหาศาล ทั้งสปอนเซอร์ เงินรางวัล ทำให้ปัจจุบันสถานการณ์การการล็อกผลบอลรุนแรงมากขึ้น โดยมีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากนี้อีกมาก พร้อมยอมรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ที่มาเลเซียที่ผ่านมา คู่ไทย-กัมพูชา มีการ ล็อกผลบอล
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก พลตำรวจเอกสมยศ พบว่ามีความพยายามจะล้มผลการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ด้วยการล็อกสกอร์ล่วงหน้าในการแข่งขันรายการที่สมาคมรับรอง ล่าสุดพบการล็อกผลการแข่งขันฟุตบอลระดับสูงสุดคือ โตโยต้าไทยลีก 2017 จำนวน 4 นัด เข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับการล้มบอล ประกอบด้วยคู่ที่ 1 แข่งขันวันที่ 26 กรกฎาคม, คู่ที่ 2 แข่งขันวันที่ 10 กันยายน, คู่ที่ 3 แข่งขันวันที่ 17 กันยายน และคู่ที่ 4 แข่งขันวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เป็นทีมในไทยพรีเมียร์ลีกทั้งหมด ซึ่งมีการทำประตูในช่วงสุดท้ายของการแข่งขันและมีจำนวนประตูที่เกิดขึ้นมากจนผิดปกติ นำไปสู่การขอศาลออกกมายจับและเข้าจับกุม ขบวนการล็อกผลการแข่งขันฟุตบอลรวม 12 คน ประกอบด้วยนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ 5 คนคือ นายสุทธิพงษ์ เหลาพร นักฟุตบอลทีมราชนาวีเอฟซี, นายณรงค์ วงษ์ทองคำ ผู้รักษาประตูทีมราชนาวีเอฟซี, นายสุวิทยา นำสินหลาก นักฟุตบอลทีมราชนาวีเอฟซี, นายเสกสันต์ ชาวทองหลาง นักฟุตบอลทีมราชนาวีเอฟซี, นายวีระ เกิดพุดซา ผู้รักษาประตูทีมนครราชสีมามาสด้าเอฟซี, กรรมการคือ นายภูมิรินทร์ คำรื่น กรรมการตัดสินฟีฟ่า, นายธีรจิตร สิทธิศุข ไลน์แมน และนายทุนอีก 5 คนประกอบด้วย นายเชิดศักดิ์ บุญชู ผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี, นายวัลลภ สมาน, นายกิตติภูมิ ปาภูงา, นายมานิตย์ หรือเศรษฐปสิทธิ์ โกมลวัฒนะ, นายภาคภูมิ พันธ์นิกุล ในข้อหา ร่วมกัน ให้ ขอให้ รับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้นักกีฬากระทำการล้มกีฬาและเพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทำการตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขันฯซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 มาตรา 64 และ 65 .-สำนักข่าวไทย