กทม. 29 ต.ค. – ปิดคดี ยิ่งลักษณ์ จำนำข้าว คู่ความ 2 ฝ่ายคดีจำนำข้าวของ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ นิ่งเงียบ อสส.ยันครบ กำหนดอุทธรณ์ 27 ต.ค.แต่ไม่ยื่น เพราะศาลฎีกาฯ ลงโทษตามความผิดแล้ว ด้านทนาย ไม่อุทธรณ์ หาตัวไม่เจอ อัยการรอตามตัวรับโทษ 5 ปี คดีไม่มีอายุความ ส่วนทุจริตระบายข้าวจีทูที คณะทำงานอัยการ รอประชุมสรุปต้นเดือน พ.ย.นี้
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ต้องโทษจำคุก 5 ปีคดีจำนำข้าว ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีเอื้อให้การทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีกระทั่งรัฐได้รับความเสียหายเปิดเผยถึงการอุทธรณ์ว่า หลังจากที่ศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยเมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ทีมทนายความยังไม่ได้รับการติดต่อจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่วันนัดอ่านคำพิพากษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ส.ค. จึงไม่ได้ยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ รวมทั้งไม่ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาฯแต่อย่างใด ซึ่งครบกำหนดระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ 30 วันเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา
ด้านนายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล ผู้ตรวจการอัยการ ซึ่งเป็นรองหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว ได้กล่าวว่า คดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นจำเลยนั้นขณะนี้ถือว่า คดีเป็นที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ แล้ว เพราะทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดี โดยในส่วนของโจทก์เองนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด(อสส.) ได้มีความเห็นเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเห็นว่าศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามบทลงโทษที่ได้ยื่นฟ้องคดีแล้ว จึงไม่ยื่นอุทธรณ์คดีอีกต่อไป และเมื่อคดีถึงที่สุด ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ แล้วจากนี้ก็จะเป็นเรื่องการบังคับคดีตามคำพิพากษา ก็จะต้องดำเนินกระบวนการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ มารับโทษจำคุก 5 ปีต่อไปซึ่งจะไม่มีการนับอายุความ หากจะหลบหนีก็ต้องหลบหนีไปตลอด ส่วนเรื่องความรับผิดทางละเมิดที่กระทรวงการคลังเคยมีคำสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายนั้นก็เป็นเรื่องของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอื่นจะต้องว่ากล่าวขั้นต่อไปซึ่งทราบว่ากรณีดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง ก็จะต้องดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน
นายสุรศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีนั้น ขณะนี้อัยการก็กำลังพิจารณาประเด็นอุทธรณ์ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 2 ไปแล้ว เมื่อถามถึงเรื่องการเพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วนั้น กรณีนั้นเป็นเรื่องกระทรวงการต่างประเทศต้องพิจารณาต่อไป
ด้านนายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน หนึ่งในคณะทำงานรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการอุทธรณ์คดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีว่า จะมีการ ประชุมคณะทำงานในช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้ เพื่อจะสรุปประเด็นการอุทธรณ์คดีซึ่งขณะนี้ได้มีการร่างคำอุทธรณ์ไว้แล้วว่าจะมีแนวทางอย่างไร ซึ่งหลักใหญ่ก็จะเน้นกลุ่มเอกชนและโรงสีข้าวที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้องไปซึ่งส่วนนี้จะต้องพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบเพราะจะมีผลสืบเนื่องกับความเสียหายทางแพ่งโดยถ้าศาลยกฟ้องราชการก็มีอาจเรียกร้องค่าเสียหายจากกลุ่มโรงสีดังกล่าวได้ ส่วนกลุ่มจำเลยที่เป็นอดีตนักการเมืองและอดีตข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศนั้นก็เป็นประเด็นยิบย่อย ในเรื่องการแก้ไขสัญญาบางฉบับว่าจะยื่นอุทธรณ์ด้วยหรือไม่โดยคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ออกมาแล้วนั้นก็ได้ลงโทษกลุ่มจำเลยดังกล่าวไว้ในอัตราโทษที่ค่อนข้างสูงตามบทลงโทษแล้ว
เมื่อถามว่าอัยการจะสรุปประเด็นและยื่นอุทธรณ์คดีการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีได้ทันภายในระยะเวลาการขอขยายอุทธรณ์ ครั้งที่ 2 นี้ช่วงสิ้นเดือน พ.ย.หรือไม่นายกิตินันท์ กล่าวว่า น่าจะทันเพราะขณะนี้มีความพร้อม ในการร่างอุทรณ์ไว้แล้วเพียงแต่ต้องสรุปประเด็นให้ครบถ้วนชัดเจนอีกครั้งโดยในส่วนของนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยที่1-2 นั้นได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาฯแล้ว และขณะนี้คณะทำงานอัยการก็ได้รับสำเนาคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองแล้ว ระหว่างนี้ก็จะตรวจดูรายละเอียดเพื่อจะทำคำแก้อุทธรณ์ส่งต่อศาลฎีกาฯต่อไป ซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 30 วัน แต่หากรายละเอียดมีมาก ทำคำแก้อุทธรณ์ไม่ทันก็ขอขยายระยะเวลาได้อีก
เมื่อถามว่าการไม่ยื่นอุทธรณ์คดีจำนำข้าวที่ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษในประเด็นการระบายข้าวเท่านั้นไม่ได้ระบุเป็นความผิดจำนำข้าวแล้วจะมีผลอย่างไรหรือไม่นั้น นายกิตินันท์ กล่าวว่า คดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น เป็นการกระทำเพียงกรรมเดียวโดยเป็นการยื่นฟ้องถึงการปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในภาพรวมทั้งโครงการจำนำข้าวที่มีความต่อเนื่องมาจนถึงการนำข้าวที่เข้าสู่โครงการมาระบายออกขาย ด้วยการทำสัญญาขายข้าวแบบจีทูจี ดังนั้นแม้จะเป็นการระบุถึงการละเว้นปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ในช่วงของการระบายข้าวแต่ก็ถือว่าเป็นความผิดตามที่อัยการได้ฟ้องและศาลมีคำพิพากษาตามบทลงโทษนั้นแล้วโดยการฟ้องอัยการไม่ได้แยกเหตุการณ์ฟ้องต่างกรรมกัน.-สำนักข่าวไทย