กรุงเทพฯ 4 ต.ค.-กบง. ตรึงราคาแอลพีจีที่ 21.15 บาท/กก. แม้ต้นทุนโลกปรับขึ้น 87.50 ดอลลาร์/ตัน มาอยู่ที่ 577.50 ดอลลาร์/ตัน เหตุต้องการแบ่งเบาภาระประชาชน และช่วงเริ่มการใช้บัตรสวัสดิการการของรัฐ ทั้งนี้ ได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันบัญชีแอลพีจีอุดหนุนเพิ่มเท่าตัวจาก 3.5719บาท/กก เป็น 6.5965 บาท/กก.
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยผลการประชุม คณะกรรมบริหารนโยบายพลังงานหรือกบง. ซึ่งมี พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ว่า ที่ประชุม กบง. ได้พิจารณาโครงสร้างราคาขายปลีกก๊าซ LPG อ้างอิงโครงสร้างราคาก๊าซ LPG อ้างอิงสำหรับเดือนตุลาคม 2560 ซึ่งจากสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลก (CP) เดือนตุลาคม 2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาอยู่ที่ระดับ 577.50 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 87.50 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนกันยายน 2560 แข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อน 0.1132 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ 33.3160 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคา ณ โรงกลั่นที่อ้างอิงราคานำเข้า (Import Parity) ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นก๊าซ LPG ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.0246 บาท/กก. จาก 17.6970 บาท/กก. เป็น 20.7216 บาท/กก.
ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก และให้แนวทางการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซ LPG สามารถดำเนินต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกก๊าซ LPG ในประเทศ ประกอบกับเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิ์ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีเวลาปรับตัว ที่ประชุม กบง. จึงเห็นควรให้ใช้กลไกของกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพราคา เพื่อส่งสัญญาณให้ราคาขายปลีกก๊าซ LPG คงที่ อยู่ที่ 21.15 บาท/กก. โดยให้ปรับเพิ่มอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ 3.0246 บาท/กก. จากเดิมที่กองทุนน้ำมันฯ ชดเชยที่ 3.5719 บาท/กก. เป็นชดเชย 6.5965 บาท/กก. โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม การรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกก๊าซ LPG ดังกล่าว จะส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ ต้องรับภาระชดเชยราคา โดยมีรายจ่ายสุทธิสูงถึง 913 ล้านบาท/เดือน ซึ่งหากแนวโน้มสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ภาระการชดเชยราคาของกองทุนน้ำมันฯ จะเพิ่มมากขึ้น จึงอาจมีความจำเป็นต้องมีการพิจารณาถึงสถานะของกองทุนน้ำมันฯ รวมถึงแนวทางการปรับราคาให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป
สำหรับฐานะสุทธิของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2560 อยู่ที่ 37,964 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีในส่วนของก๊าซ LPG อยู่ที่ 5,342 ล้านบาท และบัญชีในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 32,622 ล้านบาท
“ครั้งนี้ กบง.เป็นการส่งสัญญาณให้ประชาชนพร้อมปรับตัวราคาพลังงานขาขึ้น ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่3 เดือนราคาแอลพีจีจะขึ้นราคา200. ดอลลาร์/ตันและหากเป็นเข่นนี้ต่ออีก3 เดือนข้างหน้าอาจแตะ900ดอลลาร์/ตัน ซึ่งต้องส่งสัญญาณให้ประชาชนปรับตัวโดยปกติราคาก๊าซและน้ำมันจะขึ้นราคาช่วงหน้าหนาวถึง ก.พ.ของทุกปี”นายทวารัฐกล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบง. ยังได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2558-2579 (AEDP 2015) ไตรมาสที่ 2 ปี 2560 พบว่า สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน (ณ มิถุนายน 2560) อยู่ที่ร้อยละ 14.41 แบ่งเป็น สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนผลิตไฟฟ้า ร้อยละ 3.23 สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนผลิตความร้อน ร้อยละ 8.88 และสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในภาคขนส่ง ร้อยละ 2.30 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายรวมตามแผนที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 14.48 ภายในปี 2560 ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2560 สัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 14.50 – สำนักข่าวไทย