ทำเนียบ 19 ก.พ.- “ประเสริฐ” เผยนายกฯ พอใจสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อยู่ในเกณฑ์ดี เตรียมการรับมือการเผาป่าภาคเหนือ-ตะวันตก ต่อเนื่อง สั่งพาณิชย์งดซื้อสินค้า-วัตถุดิบที่เกิดจากการเผา พร้อมให้ กต.คุยกัมพูชา หลังพบจุดฮอตสปอตสูงสุด
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ว่า ขณะนี้สถานการณ์เรื่องฝุ่น PM 2.5 ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลสถานการณ์ดีขึ้น ปริมาณฝุ่นที่ปรากฏถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่สิ่งที่กำลังจะสิ่งที่กำลังจะตามมา คือ สถานการณ์ภาคตะวันตกที่เกิดจากการเผาป่าเกิดขึ้นซึ่งต้องทำงานซึ่งต้องทำงานรับมือกับสิ่งเหล่านี้
โดยวันนี้นายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการ เพื่อให้เตรียมการรับมือสถานการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า โดยให้กระทรวงมหาดไทยติดตามสถานการณ์การเผาป่าในเขตพื้นที่ต่างๆด้วยการทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ในการแนะนำพี่น้องเกษตรกรเพื่อติดตามการเผาป่าในพื้นที่ต่างๆ
พร้อมมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดตามและรายงานการเผาเป็นระยะและรายงานต่อสำนัก นายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามการไฟป่าในพื้นที่ต่างๆ ที่เกิดจากธรรมชาติและเป็นเหตุการณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงขอให้ดูแลในพื้นที่ป่าอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกันยังสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์งดซื้อสินค้าที่เกิดจากการเผา รวมทั้งขอร้องผู้ประกอบการไม่ให้ซื้อวัตถุดิบที่ที่เกิดจากการเผา รวมทั้งขอร้องผู้ประกอบการไม่ให้ซื้อวัตถุดิบครั้งที่นำมาทำอาหารสัตว์หรือวัตถุดิบอื่นๆ ที่เกิดจากการใช้การเผา
ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ได้มีการสั่งให้ควบคุมฝุ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งการก่อสร้างแพคอนกรีต และรถเก่าที่ปล่อยควันดำ
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะขณะนี้ปรากฏว่าเป็นที่ทราบกันว่าจุดสปอตต่างๆมีปริมาณที่สูงขึ้นในพื้นที่ที่ติดกับฝั่งประเทศกัมพูชาเป็นอันดับหนึ่ง รวมถึงเมียนมาและลาวด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและติดตามเรื่องการแจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆในกรณีที่พบว่าการเผาหรือมีกิจกรรมใดใด ที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามวันนี้ (19 ก.พ.) มีการรายงานมาตรการต่างๆที่ได้ดำเนินการให้ที่ประชุมรับทราบอย่างการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ไม่ให้รับซื้ออ้อยที่เผาไม่ให้เกิด 25% ซึ่งสามารถดำเนินการได้ตามเป้าทุกอย่าง ถือว่าเป็นการดำเนินการถือว่าเป็นการดำเนินการที่ได้ผลในรอบหลายปี ส่งผลให้ภาพรวมในกรุงเทพสถานการณ์ค่อนข้างดี หลังจากที่ทุกหน่วยงานได้ทำงานหลังจากที่ทุกหน่วยงานได้ทำงานร่วมมือบูรณาการกันอย่างใกล้ชิด ส่วนสิ่งที่ต้องติดตามต่อการเผาป่าที่จะเกิดขึ้นในภาคเหนือและภาคตะวันตก
ส่วนที่กระทรวงมหาดไทยเคย กำหนดว่าไม่ให้มีการเผาเด็ดขาดช่วง 3 เดือน ยืนยันว่ากระทรวงมหาดไทยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง นั้น เป็นช่วงที่กำชับ อย่างเข้มข้นแต่ยืนยันว่าในช่วงอื่นก็ไม่อนุญาตให้มีการเผาในทุกกรณี .-316 -สำนักข่าวไทย