12 ก.พ. – “เพลิน พรมด้วง” มือราดน้ำมันจุดไฟเผาพ่อค้าแตงโม รับสารภาพทำคนเดียว อ้างแค้นอีกฝ่ายเป็นชู้กับภรรยา และยังเอารถกระบะที่ใช้ทำกินไปขายแตงโมเย้ยต่อหน้าต่อตา
ตำรวจคุมตัวนายอรรคกร หรือ เพลิน พรมด้วง อายุ 46 ปี ก่อเหตุใช้น้ำมันราดและจุดไฟเผาพ่อค้าแตงโมเสียชีวิต ไปสอบปากคำที่ สน.บางโพงพาง โดยมี พล.ต.ต.พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมสอบปากคำ
ระหว่างคุมตัวนายเพลินออกจากห้องสอบสวน นายเพลิน อ้างว่าทำคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมก่อเหตุ เพราะหนักใจที่ผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทตนเอง แต่กลับมามาคบชู้กับภรรยา โดยไม่ได้มีการพูดคุยเคลียร์ใจกับผู้ก่อเหตุก่อนลงมือ และไม่ได้วางแผนดูลาดเลาใดๆ เป็นการบันดาลโทสะ ทั้งนี้ ขอโทษผู้ตายและครอบครัวผ่านสื่อมวลชนด้วย ส่วนหลังก่อเหตุก็ไม่มีใครช่วยพาหลบหนี ขับรถหนีไปมุกดาหาร เพราะตนเองก็ทำงานอยู่ที่นั่น หลังเกิดเหตุเห็นข่าวแล้วก็ตกใจอยู่ คิดจะมอบตัว และรู้สึกผิด
ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยภายหลังสอบปากคำว่า นายเพลินรับสารภาพว่าก่อเหตุจริงเนื่องจากความแค้นปมชู้สาว เพราะก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2556 ก็เคยถูกแฟนคบชู้ และได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ชายคนใหม่ของแฟน จนต้องติดคุกไป 9 ปี เพิ่งจะพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2564 จนเกิดเป็นแผล ต่อมาเมื่อเจอกับนางสาวกุ๊กไก่ แฟนคนปัจจุบัน ก็คบกันเรื่อยมา และมักจะนำผลไม้ลงมาขายที่วัดดอกไม้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้รู้จักกับนายราเชน ผู้เสียชีวิต และคบหาเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด
กระทั่งช่วงตุลาคม 2567 เริ่มระแคะระคายว่าแฟนสาวกำลังนอกใจไปหานายราเชน เมื่อสอบถามก็ได้รับคำปฏิเสธ แต่หลังจากนั้นก็ระหองระแหงเรื่อยมา ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะเริ่มตัดการติดต่อห่างกันไป นอกจากนี้ยังมาเอารถกระบะที่นำไปจำนำร่วมกัน เพื่อนำเงินมาช่วยทำมาหากินไปด้วย ทำให้ตนเองคิดว่าฝ่ายหญิงน่าจะไปอยู่กับนายราเชนแล้ว และสั่งสมความแค้นมาโดยตลอด
ก่อนก่อเหตุ ตนเองไปรับจ้างตัดต้นไม้อยู่ที่ย่านพุทธมณฑลกับเพื่อนลูกจ้างอีกคน ชื่อ “นายติ๊ก” จึงได้บอกกับนายติ๊กว่าให้ช่วยไปขับรถกระบะอีกคันกลับ โดยขากลับจะผ่านวัดดอกไม้ ซึ่งนายเพลินก็เห็นรถกระบะของแฟนตนเองจอดอยู่ จึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กะว่าจะเข้าไปเคลียร์ใจกับแฟนสาว หากตกลงกันไม่ได้ ก็จะใช้น้ำมันเบนซิลที่เคยซื้อมาเติมรถ แต่ยังเหลืออยู่ จุดไฟทำลายรถกระบะคันดังกล่าว ซึ่งเมื่อเข้าไปในวัดก็ไม่เจอแฟนสาว แต่เห็นนายราเชนนั่งอยู่ที่รถกระบะ จึงเกิดบันดาลโทสะ ราดน้ำมันจุดไฟเผาทันที
เบื้องต้นตำรวจเปลี่ยนข้อหาจากพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยกระทำการทารุณกรรม และวางเพลิงเผาทรัพย์ เนื่องจากนายราเชนเสียชีวิตแล้ว และจะนำตัวนายเพลินไปฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีพฤติการณ์จะหลบหนี
ส่วนกระแสข่าวว่า นางสาวกุ๊กไก่ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เบื้องต้นนายเพลินยังไม่กล่าวถึงบุคคลอื่น และจากภาพวงจรปิดก็ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนมูลเหตุจูงใจอื่นๆ เช่น เรื่องความขัดแย้งในการเก็บค่าที่จอดรถภายในวัด ตำรวจจะขยายผลสอบสวนต่อไป เช่นเดียวกับตัวนายติ๊ก ที่ตอนนี้ตำรวจก็ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุด้วยหรือไม่ เนื่องจากนายติ๊กอ้างว่าไม่รู้ว่านายเพลินจะก่อเหตุวางเพลิงจุดไฟเผานายราเชน ทราบเพียงว่าให้มาเป็นเพื่อน มาช่วยขับรถ และนายเพลินได้บอกให้กลับไปก่อน ซึ่งหากพบว่าเข้าข่ายร่วมกระทำความผิด จะมีการแจ้งข้อหาต่อไป
ส่วนคนขับกระบะที่ไปส่งนายเพลินที่จังหวัดมุกดาหารนั้น ตำรวจเรียกมาสอบปากคำแล้ว เจ้าตัวอ้างว่าเพียงทำหน้าที่ส่งคนงานที่จ้างมาหลังเสร็จงานตัดไม้ตามปกติ โดยไม่รู้ว่านายเพลินไปก่อเหตุอะไรมา แต่เมื่อทราบก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี และพาตำรวจไปชี้จุดที่ส่งนายเพลินลง ซึ่งเมื่อตำรวจติดตามไปถึงจังหวัดมุกดาหาร ก็พบว่านายเพลินหนีเข้าป่าหลังรีสอร์ทไปแล้ว ตำรวจต้องปิดล้อมป่า ใช้โดรนบิน ใช้สุนัขตำรวจติดตามดมกลิ่น มุดท่อ และพายเรือตามหาในแม่น้ำ กดดันนานกว่า 1 วัน 1 คน จนนายเพลินหมดหนทางหนี และหิวโซ จึงได้ติดต่อเพื่อนให้นำอาหารมาให้ แต่เพื่อนก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่อล่อนายเพลินออกมา แต่นายเพลินไหวตัวทัน สุดท้ายเพราะทนพิษความหิวโหยไม่ไหว จึงกำเงิน 1,000 บาท ออกมาซื้ออาหารที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งตำรวจได้ดักรออยู่แล้ว และเข้าจับกุมตัวได้สำเร็จ.-414-สำนักข่าวไทย