กสม. 30 ม.ค.- กสม. เตรียมทำข้อเสนอถึงรัฐบาลให้เร่งแก้ไขปัญหาและผลกระทบจากมลพิษด้านฝุ่นละอองในภาพรวม
นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ว่าได้ติดตามสถานการณ์ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากกิจกรรมและแหล่งกำเนิดมลพิษต่าง ๆ เช่น ภาคอุตสาหกรรม ยานพาหนะ การเผาในที่โล่งทั้งภายในประเทศและในประเทศข้างเคียง ประกอบกับสภาพภูมิอากาศบางช่วงมีความกดอากาศสูงและอากาศไม่ถ่ายเทส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) หนาแน่นและสะสมในชั้นบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้พื้นที่กรุงเทพมหานคร พื้นที่ภาคเหนือ และอีกหลายพื้นที่ของประเทศมีรายงานค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานและเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 เช่น การห้ามเผาในที่โล่ง การตรวจจับยานพาหนะที่ปล่อยไอเสียเกินมาตรฐาน การเรียนออนไลน์ การทำงานที่บ้าน การสนับสนุนให้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ การตรวจและแจ้งเตือนคุณภาพอากาศให้ประชาชนทราบ รวมถึงการเผยแพร่และสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับวิธีการป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่น PM2.5 ทั้งนี้ปัญหาฝุ่น PM2.5 มีความซับซ้อนและมีแหล่งกำเนิดมลพิษที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ มาตรการของรัฐบางส่วนไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง หรือดำเนินการเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์รุนแรงเท่านั้น ในขณะที่การบังคับใช้กฎหมายไม่มีความเข้มงวดจริงจัง จึงยังพบปัญหายานพาหนะปล่อยไอเสียหรือควันดำ การลักลอบเผาในที่โล่งหรือพื้นที่เกษตรกรรมยังคงเกิดขึ้นเป็นวงกว้างทั่วประเทศ ทำให้ในภาพรวมรัฐบาลยังไม่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ด้วยเหตุที่สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ดีต่อสุขภาพ และยั่งยืน ได้รับการรับรองว่าเป็นสิทธิมนุษยชนประการหนึ่ง เนื่องจากการปกป้องและคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศมีส่วนส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีและทำให้บุคคลได้รับสิทธิต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงสิทธิในชีวิต สิทธิที่จะมีสุขภาพที่ดี สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพที่เพียงพอ ในปี 2566 กสม. จึงได้เสนอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นละอองในภาคเหนือเพื่อควบคุมปัญหาไฟป่าที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น โดยบูรณาการการทำงานและจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ ซึ่งมีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ขณะที่ปี 2567 กสม. ได้ร่วมผลักดันให้มีกฎหมายอากาศสะอาด เพื่อคุ้มครองสิทธิทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร
จากสภาพปัญหาและข้อท้าทายดังกล่าว กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 จึงเห็นควรให้จัดทำข้อเสนอแนะถึงรัฐบาลให้เร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบจากมลพิษด้านฝุ่น PM 2.5 ในภาพรวมของประเทศ โดยนำหลักการด้านสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีและสิทธิในสุขภาพมาปรับใช้เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชน รวมทั้งบังคับใช้มาตรการแก้ไขปัญหาแหล่งกำเนิดมลพิษและการป้องกันสุขภาพของประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานอย่างเคร่งครัด และกระจายอำนาจลงไปถึงหน่วยงานในระดับพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน .314.-สำนักข่าวไทย