กทม.27 ก.ย.- ผบ.ตร. รับระเบิดตู้เอทีอ็มเพื่อลักทรัพย์ไม่เคยมีมาก่อน เชื่อผู้ต้องหาเตรียมก่อเหตุซ้ำ สั่งรอง ผบ.ตร.วางมาตรการความปลอดภัย ป้องกันเลียนแบบหรือก่อเหตุลักษณะเดียวกัน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ตรวจดูของกลาง ที่ตำรวจ สน.ประเวศ ยึดไว้เป็นหลักฐานคดีนายกราคยาน พาเวล สแตนิช เซวสกี้ อายุ 38 ปี ชาวโปแลนด์ ใช้ในการก่อเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็ม ธ.กรุงเทพ เมื่อ 13 กันยายนที่ผ่าน นำไปสู่การออกหมายจับข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อพาทรัพย์นั้นไป โดยจับได้ที่บ้านพักซอยรามคำแหง 50
พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากประชาชน เนื่องจากเป็นการก่อเหตุกับตู้ ATM ที่ประชาชนทั่วไปใช้บริการ ยอมรับเหตุลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานที่ชี้ชัดว่าผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดแน่นอน เชื่อก่อเหตุเพียงลำพัง มีการวางแผนซื้อวัสดุอุปกรณ์จากมาเลเซียมาเตรียมก่อเหตุอีกไม่ต่ำกว่า 3 คดี จากการตรวจสอบพบผู้ต้องเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย 3-4 ครั้ง มีภรรยาเป็นชาวกัมพูชา เชื่อว่าชำนาญการเดินทางเข้า-ออกประเทศ
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหาถาวร ผบช.น.เพิ่มเติมว่า แม้จะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่ผู้ต้องหาก็ยอมรับและเป็นผู้ก่อเหตุแน่นอน และมีการเตรียมก่อเหตุซ้ำหลังก่อเหตุครั้งแรก ก่อนเดินทางกลับโปแลนด์ ส่วนจะมีผู้ร่วมขบวนการหรือไม่ ขณะนี้มีหลักฐานเพียงคนเดียว และเตรียมขยายผลถึงภรรยาชาวกัมพูชา ที่อาจมีส่วนในการให้ข้อมูลช่องทางเข้า-ออกประเทศ รวมทั้งการใช้เงินที่ได้จากตู้เอทีเอ็ม อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ประสานตำรวจสากลเพื่อขอข้อมูลว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุในต่างประเทศหรือไม่ พร้อมสั่งการให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.วางมาตรการป้องกันพฤติกรรมเลียนแบบหรือก่อเหตุซ้ำในลักษณะเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย