13 ธ.ค. – ตำรวจไซเบอร์ ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ “บัญชีม้า” แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกนางงาม “ชาล็อต” แล้ว 1 ราย พบมีส่วนรู้เห็นด้วย โดยเดินทางไปสแกนหน้าที่ปอยเปตวันที่ “ชาล็อต” โอนเงิน
ความคืบหน้ากรณีนางสาวชาล็อต ออสติน นางงามในสังกัด มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ออกมาเปิดใจร่ำไห้ทั้งน้ำตาหลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นตำรวจไซเบอร์-ดีเอสไอ ข่มขู่เอี่ยวคดีฟอกเงินหุ้นสตาร์ค และให้โอนเงินไปตรวจสอบจำนวน 4 ล้านบาท
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวน ตอนนี้มีความคืบหน้า โดยสามารถขอศาลอนุมัติออกหมายจับบัญชีม้าแถวแรกที่รับโอนเงินได้แล้ว ซึ่งในตอนแรก เข้าใจว่าเป็นเพียงบัญชีม้าที่มีการซื้อขายบัญชีปกติ แต่เมื่อสืบสวนไปมา กลับพบว่า เจ้าของบัญชีน่าจะมีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำผิดด้วย เนื่องจากช่วงวันที่ชาล็อตโอนเงินไปรวม 4 ล้านบาทนั้น พบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหาว่ามีการเดินทางจากที่พักย่านปริมณฑลไปยังจังหวัดสระแก้ว และข้ามไปฝั่งปอยเปตเพื่อไปทำการสแกนใบหน้า จากนั้น 2 วัน ก็เดินทางกลับมายังที่พักตามเดิม ซึ่งจากการติดตามตอนนี้พบว่า ตัวยังอยู่ในประเทศ
ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้าดังกล่าว มีพฤติการณ์ในการร่วมกระทำผิด ดังนั้น จึงขอศาลออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันฟอกเงิน ส่วนการติดตามทรัพย์สินเพื่อคืนให้กับผู้เสียหาย ขณะนี้ได้เร่งให้ทีมสืบสวนทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องไว้หลายบัญชีให้มากที่สุด โดยรายละเอียดเส้นทางการเงิน อยู่ในการสืบสวน ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ก็มีความคืบหน้าไปมาก และผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
สำหรับขบวนการดังกล่าวพบว่าเป็นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีผู้เสียหายมาแจ้งความไว้มากน้อยแค่ไหน แต่ยืนยันได้ว่า เบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาหลอกลวงผู้เสียหาย โทรมาจากนอกประเทศ ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนว่าหากได้รับสายลักษณะดังกล่าว อย่าหลงเชื่อโอนเงินไป และอย่าตรวจสอบเอง เพราะมิจฉาชีพเปลี่ยนวิธีการใหม่ไปเรื่อย ๆ ให้มาแจ้งเจ้าหน้าที่.-420-สำนักข่าวไทย