ชลบุรี 23 พ.ย.-“ประเสริฐ” รมว.ดีอี แย้มปีหน้า 3 บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ลงทุนไทย แนะผู้ประกอบการไทยเร่งปรับตัว ชี้สัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลขยายได้ถึง 30% ของจีดีพี
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ความร่วมมือภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อยกระดับธุรกิจของไทย” ในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ที่จังหวัดชลบุรี ภายใต้แนวคิด “CONNECT FOR GROWTH: INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน”
ระบุประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายหลากหลายเรื่อง ทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่กำลัง มีปัญหาสภาพคล่อง เชื่อว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป สินค้าต่างประเทศขณะที่สินค้าจากต่างประเทศได้เข้ามาขายราคาถูก ท่ามกลางมาตรฐานสินค้ายังเป็นที่สงสัย
ส่วนมาตรการระยะกลางและระยะยาวนั้นได้มีการพัฒนาโครงสร้างไปหลายอย่าง โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างด้านดิจิตอล ปัจจุบันการขยายตัวของเศรษฐกิจ มีสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัล 12% ซึ่งต้องการขยายให้ได้ถึง 30%
กระทรวงดีอีขานรับนโยบายรัฐบาลโดยพัฒนาเป็นมาตรการ The Growth Engine Thailand โดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล การสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ซึ่งจะสร้างความดึงดูดทางการลงทุนให้กับต่างชาติ และการสร้างกำลังคนด้านดิจิตอล ซึ่งขณะนี้หลายภาคธุรกิจกำลังขาดกำลังคนด้านนี้ ไทยต้องการทักษะด้านความชอบปีละ 100,000 คน ขณะที่กำลังผลิตมีประมาณ 25,000 คน
สำหรับความท้าทายในอนาคต คือ ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในธุรกิจ โดยเฉพาะ generative AI ซึ่งเป็นสิ่งภาคธุรกิจต้องปรับตัวให้ทัน
การผลิตที่เปลี่ยนแปลงไป โลกที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้มีการผลิตสินค้าที่บวกมูลค่าเชิงคุณภาพและต้องบวกเพิ่มดิจิตอลเพื่อให้สินค้าเพิ่มมูลค่าได้ นอกจากนี้ การใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Big Data ที่ในวันนี้มีบทบาทต่อภาคธุรกิจอย่างยิ่งและเมื่อนำมารวมกับข้อมูลไอจะเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ปีหน้าจะมีบริษัทใหญ่ไม่น้อยกว่า 2 บริษัท ฝั่งจีน และก็ฝั่งตะวันตก จะมีการประกาศประมาณร่วม 3 บริษัท ทำให้มูลค่าการลงทุนเฉพาะเรื่องเทค เรื่องเทคโนโลยี ผมว่าแตะไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งมาลงทุนในพื้นที่ EEC เป็นเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์และเซมิคอนดรัคเตอร์ เพราะฉะนั้นจะต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้ป็นประโยชน์มากที่สุด ทุกวันนี้ภาคธุรกิจไทยยังใช้น้อย เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการไทยต้องเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ และก็เร่งดำเนินการ
ขณะที่ยังมีการ โอกาสลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในต่างประเทศ อาทิ Google หัวเหว่ย คาดว่า ปีหน้าไตรมาสสองจะมีข่าวดี บริษัทใหญ่ไม่น้อยกว่า 2 บริษัท ฝั่งจีน และฝั่งตะวันตก จะมีการประกาศประมาณร่วม 3 บริษัท ส่วนหนึ่งมาลงในพื้นที่ EEC เป็นเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์และเซมิคอนดรัคเตอร์ ดังนั้นผู้ประกอบการไทยต้องเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ แลเร่งดำเนินการ ภาครัฐต้องเดินไปกับเอกชนในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจ ซึ่ง หอการค้าไทยจะเป็นกลไกที่สำคัญ เพราะว่าวันนี้เราต้องต่อสู้กับปัจจัยหลายอย่าง.-516.-สำนักข่าวไทย