กรุงเทพ 19 ส.ค.-กรมทางหลวงยันไม่ต่อสัมปทาน “ดอนเมืองโทลล์เวย์” หลังผลการศึกษาพบไม่คุ้มค่า ปล่อยปรับขึ้นราคาตามสัญญา 22 ธ.ค.นี้ ขณะที่แนวทางรัฐดึงโครงการมาบริหารหลังหมดสัมปทานในปี 2577 อาจปรับราคาเหลือ 20 บาท หรือให้บริการฟรี
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาลดผลกระทบประชาชนกรณีโครงการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือดอนเมืองโทลล์เวย์ เตรียมปรับขึ้นราคาค่าผ่านทาง โดยระบุว่า ภายหลังทาง บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ผู้รับสัมปทานโครงการดังกล่าว ประกาศเตรียมปรับอัตราค่าผ่านทางตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2567 ตามสัญญาสัมปทาน ซึ่งจะมีผลทำให้ค่าผ่านทางสูงสุดถึง 170 บาท
อย่างไรก็ดี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้ ทล.ศึกษาหาแนวทางในการปรับลดค่าผ่านทางในโครงการดังกล่าว โดย ทล.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุดเมื่อวันที่ 3 ก.ค.2567 เพื่อศึกษาแนวทางและความเป็นไปได้ ผ่านการเปรียบเทียบตัวเลขความคุ้มค่าในทุกมิติ ทั้งกรณีไม่ขึ้นค่าผ่านทาง กรณีปรับขึ้นตามสัญญาเดิม และคาดการณ์จำนวนรถที่จะมาใช้บริการโครงการ
ทั้งนี้ พบว่าแนวทางที่เหมาะสม คือ ไม่ควรเจรจาขยายสัญญาสัมปทานออกไปอีก เพราะตัวเลขศึกษาออกมาพบว่าไม่คุ้มค่าในทุกกรณี ดังนั้นควรจะดำเนินการตามสัญญาสัมปทานตามเดิม และรอให้หมดสัญญาสัมปทานในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 2577 เพื่อให้โครงการดังกล่าวกลับมาอยู่ภายใต้การบริหารของภาครัฐ ซึ่งหากเป็นกรณีนี้ ภาครัฐจะสามารถศึกษาโครงสร้างค่าผ่านทางใหม่ได้
นายสราวุธ กล่าวด้วยว่า เป้าหมายของกระทรวงฯ ต้องการพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน จะมีแนวทางอย่างไรในการไม่ปรับขึ้นค่าผ่านทาง หรือสามารถลดค่าผ่านทางได้ แต่เมื่อ ทล.มาศึกษาทุกแนวทางแล้ว กลับพบว่าไม่คุ้มค่า เพราะทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เป็นหนึ่งในทางเลือกของประชาชนในการใช้บริการในช่วงเร่งด่วนที่มีการจราจรติดขัด และยังมีถนนวิภาวดีรังสิตที่เป็นถนนหลักให้บริการอยู่
ทั้งนี้ เมื่อไม่มีการเจรจาขยายสัมปทานให้เอกชนแล้ว จะส่งผลให้ค่าผ่านทางปรับขึ้นตามสัญญา ก่อนสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุดลงในปี 2577 และหลังจากนั้นทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของกรมทางหลวงทันที เนื่องจากภายใต้สัญญานี้จะไม่มีเงื่อนไขกำหนดให้ ทล. ต้องเจรจากับเอกชนคู่สัญญาเพื่อเสนอต่อสัญญาเป็นรายแรก ดังนั้นจึงมีแนวทางดำเนินการ คือ เปิดประมูลใหม่ หรือภาครัฐนำโครงการกลับมาบริหารเอง/สำนักข่าวไทย/513