นนทบุรี 10 มิ.ย. – แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคุณปู่วัย 81 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ กฟผ. ดูดเงิน 19 ล้านบาท เกลี้ยงบัญชี จำนองบ้านอีก 3 ล้าน เจ้าตัวเผยใช้กลอุบายสุดแนบเนียนจนหลงเชื่อ
เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายไพรสัณต์ อายุ 81 ปี อดีตหัวหน้างานด้านวางแผนธุรกิจสายงานด้านเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หลังถูกมิจฉาชีพใช้กลอุบายตีเนียนหลอกว่าบัญชีพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมาย ทำให้ตกใจหลงเชื่อถูกมิจฉาชีพ ที่ปลอมมาทั้งในรูปแบบของการวิดีโอคอลเป็นตำรวจ โดยหลงเชื่อโอนเงินให้กับมิจฉาชีพเป็นเงินสด 19 ล้านบาท นอกจากนี้ มิจฉาชีพใช้อุบายให้เอาบ้านไปจำนองขายฝากอีก 3 ล้าน รวมเป็นเงินที่ถูกมิจฉาชีพหลอกถึง 22 ล้านบาท
นายไพรสัณต์ เล่าเรื่องราวอันแสนเศร้าที่เกิดขึ้นกับตนเอง ว่า ภรรยาตนเองเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว มีลูกชายพียงคนเดียว ทำงานอยู่บริษัทตลาดทรัพย์ที่ประเทศสิงคโปร์ หลังเกษียณอายุแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่เนื้อที่ 83 ตารางวา ที่อยู่ใน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จนเมื่อวันที่ 11 พ.ค. 67 ช่วงเวลา 14.30 น. ได้มีโทรศัพท์เบอร์มือถือ โทรเข้ามาหาตน เป็นชาย แนะนำตัวว่าชื่อนายรณฤทธิ์ แจ้งตนว่าตนถูกแอบอ้างนำข้อมูลส่วนตัวไปเปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ที่ จ.พรนครศรีอยุธยา โดยทางธนาคารได้ติดต่อประสานงานไปยังสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งใบรับรองการแจ้งความมายังธนาคารสำนักงานใหญ่ภายใน 2 ชั่วโมง
ต่อมาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกราย อ้างเป็น พ.ต.ต. สารวัตรงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธพระนครศรีอยุธยา ต้องการสอบปากคำตนเอง โดยอ่างว่า มีการทุจริตในหน่วยงานราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นวงเงิน 11 ล้าน
อมามีคนร้ายอ้างเป็นตำรวจหญิงชื่อสุพัตรา มาแนะนำขั้นตอน ให้เปิดแอปพลิเคชัน โอนเงินทรัพย์สินที่มีอยู่ไปให้ตรวจสอบเป็นเงินสด 19 ล้านบาท รวมทั้งบ้านที่ไปจำนองขายฝากอีก 3 ล้านบาท นอกจากนี้พวกโจรยังรู้ว่าตนมีบัญชีในตลาดหลักทรัพย์อยู่กับ Broker 2 แห่ง ก็สั่งให้ไปขายทั้งหมด 2 แห่ง พอขายเสร็จก็โอนเงินไปให้ หลังจากนั้นก็สั่งให้ตนไปขายฝากบ้านให้กับคนที่มิจฉาชีพแนะนำมาให้ ในราคา 3 ล้านบาท พร้อมกับดอกเบี้ย 450,000 บาท ทำสัญญา 1 ปี ต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน เดือนละ 37,000 บาท
จากนั้นคนร้ายติดต่อมาบอกว่า ตรวจสอบแล้วตนเป็นผู้บริสุทธ์ หากจะโอนเงินคืนต้องเสียเงินอีก 4.2 ล้านบาท ตอนนั้นไม่มีเงินแล้ว จึงได้ติดต่อลูกชาย ทำให้มั่นใจว่าถูกมิจฉาชีพหลอกจนหมดตัวแล้ว
ขณะที่นายนีรนาท หรือโอ๊ต ลูกชายเพียงคนเดียว เปิดเผยว่า ตนรู้สึกโมโหและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก ทำไมถึงมาหลอกลวงกันได้ขนาดนี้เอากันให้หมดตัวเลย พอรู้เรื่อง ตนก็รีบบินกลับมาจากสิงคโปร์ทันที เพื่อมาช่วยพ่อรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ และไปแจ้งความที่ สอท. อยากขอร้องพวกคอลเซ็นเตอร์ว่าอย่ามาทำกินบนหลังคนเลย ขอให้มีความเมตตาสงสารผู้คนบ้าง ในเมื่อคนไม่มีแล้ว เสียทั้งสุขภาพจิต สุขภาพกาย แก็งมิจฉาชีพทั้งหลายหยุดเถอะอย่ามาทำแบบนี้เลย วอนเจ้าหน้าที่เร่งจับกุม เร่งหาวิธีป้องกัน ไม่เช่นนั้นคนสุจริตจะตกเป็นเหยื่อไม่จบสิ้น .-สำนักข่าวไทย