ญี่ปุ่น 10 พ.ค. – รัฐมนตรีพาณิชย์ ยกทัพเยือนญี่ปุ่น พร้อมทำ MOU ขายสินค้าไทย บน Rakuten แพลตฟอร์มออนไลน์ใหญ่ ช่วย SME สร้างโอกาสส่งออกสินค้าอาหาร-ผลไม้-สปา-อาหารสัตว์เลี้ยง คาดทำเงิน 145 ล้านบาทต่อปี
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือกับ Mr.Kazunori Takeda รองประธานบริษัท Rakuten และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม MOU ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับ Rakuten ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำของญี่ปุ่น ที่มียอดผู้ใช้งานเกิน 50 ล้านคนต่อเดือน เพื่อผลักดันส่งออกสินค้า SME ไทย ว่าได้หารือกับบริษัท Rakuten ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับความนิยม มีผู้ใช้งานเป็นอันต้นๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันสินค้าไทยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น มีสินค้าไทยที่ขายบนแพลตฟอร์ม Rakuten หลังจากที่ทูตพาณิชย์โตเกียวของไทย ได้ร่วมมือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย กว่า 2,000 รายการ ที่ได้รับความนิยมคือ สินค้าอาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูป สินค้าสปา ข้าวหอมมะลิ และสินค้าสัตว์เลี้ยง
อย่างไรกตาม การเดินทางครั้งนี้เพื่อผลักดันให้แพลตฟอร์ม Rakuten นำเข้าสินค้าไทยมาจำหน่ายเพิ่มขึ้น จึงได้มีการลงนาม MOU ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับ Rakuten เพื่อเปิดร้าน TOPTHAI และส่งเสริมการขายสินค้าไทยในตลาดญี่ปุ่น พร้อมเร่งผลักดันผู้ประกอบการรายย่อย SME รายใหม่ๆ ให้สามารถขยายตลาดไปยังประเทศญี่ปุ่นผ่านแพลตฟอร์มดังอย่าง Rakuten ได้เพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้รวมกว่า 600 ล้านเยนต่อปี หรือประมาณ 145 ล้านบาทต่อปี
“การลงนามใน MOU เพื่อเปิดร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์ม Rakuten ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มการรับรู้และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าไทยในตลาดญี่ปุ่น เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นได้มากขึ้น ทั้งสินค้าผลไม้ไทย อาทิ กล้วยหอม ทุเรียน มังคุด อาหารไทย เครื่องปรุงรส อาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์สปา เป็นต้น ขอบคุณ Rakuten ที่ให้โอกาสประเทศไทยในการนำสินค้ามาขาย สินค้าไทยเป็นสินค้าคุณภาพ รับรองได้ว่าจะไม่ผิดหวังในการใช้สินค้าไทย
ขณะนี้ไทยได้เปิดร้าน TOPTHAI เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย สามารถส่งออกผ่านช่องทางออนไลน์บนแพลตฟอร์มชั้นนำ โดยปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วบน 8 แพลตฟอร์ม ใน 9 ประเทศ ได้แก่ Amazon สหรัฐ, Tmall จีน, Bigbasket อินเดีย, Blibli อินโดนีเซีย, PcHome ไต้หวัน, Klangthai กัมพูชา, Shopee มาเลเซีย/สิงคโปร์/ฟิลิปปินส์ และ Lazada ซึ่ง Rakuten ญี่ปุ่น จะแพลตฟอร์มที่ 9 ในประเทศที่ 10
สำหรับกลุ่มสินค้าที่จะผลักดันเข้าไปจำหน่ายในร้าน TOPTHAI จะเน้นกลุ่มสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพของไทย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าฮาลาล กลุ่มสินค้า ESG กลุ่มสินค้า Future Food และกลุ่มสินค้าประเภทงานดีไซน์ เป็นต้น และยังมีแผนจะขยาย TOPTHAI ไปยังตลาดศักยภาพอื่น ไม่ว่าจะเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลางต่อไป
สำหรับตลาดญี่ปุ่น ถือเป็นตลาดออนไลน์ที่มีศักยภาพ และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในปี 2566 ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากจีน สหรัฐ และสหราชอาณาจักร มีอัตราการเติบโตระหว่างปี 2566-2572 เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 9.05 และคาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขาย ที่ 294.60 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2572 และ Rakuten มียอดผู้ใช้งานเกิน 50 ล้านคนต่อเดือน เป็นแพลตฟอร์มที่มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมากและได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ซื้อมากเป็นอันดับต้นๆ ในญี่ปุ่น มีมาเก็ตแชร์อยู่ที่ร้อยละ 28 ของตลาดอี-คอมเมิร์ซญี่ปุ่น มีอัตราการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 23.8 มีร้านค้าอยู่บนแพลตฟอร์มกว่า 57,000 ร้านค้า และยอดขายอยู่ที่ 15,300 ล้านเยนต่อวัน (ประมาณ 350 ล้านบาท).-514-สำนักข่าวไทย