สน.เตาปูน 7 พ.ค.-“ทนายตั้ม” ทวงความคืบหน้าคดี “บิ๊กต่อ” พร้อมยื่นหนังสือเตือนผู้กำกับ สน.เตาปูน หลังแจ้งความมาแล้วกว่า 30 วัน แต่ไม่มีการรายงานความคืบหน้า
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้เดินทางมายัง สน.เตาปูน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีที่ตนได้แจ้งความเอาผิด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , ภรรยา และบัญชีอีก 2 ราย นอกจากนี้ยังได้นำหนังสือเตือนมาถึงผู้กำกับ สน.เตาปูน ถึงการรายงานผลทางคดีว่าถึงขั้นตอนไหน ซึ่งทาง สน.เตาปูน เองยังไม่เคยมีการรายงานผลความคืบหน้าคดีมาถึงตนสักครั้ง
ทนายตั้ม ระบุว่าตนเองได้มีการมายื่นแจ้งความกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,ภรรยา และบัญชีม้า 2 บัญชี ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 จนตอนนี้เวลาผ่านมาแล้ว 1 เดือน 5 วัน ทาง สน.เตาปูน ไม่มีการแจ้งผลทางคดีให้ตนทราบ โดยตามระเบียบของตำรวจ ถ้ามีการแจ้งความแล้ว 30 วัน ต้องมีการรายงานให้ผู้ที่ร้องทุกข์ทราบ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ หรือไม่
วันนี้ตนจึงยื่นหนังสือเตือนครั้งที่ 1 ให้ทาง พ.ต.อ.สุรเดช ฉัตรไทย ผกก.สน.เตาปูน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีการรายงานผลทางคดีมายังตนเอง ซึ่งในวันนี้ตนไม่มียื่นหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว เพราะตนเคยเอาสายลับมาให้การเพิ่มเติมแล้วหลายครั้ง ซึ่งต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องทำงาน
โดยเนื้อหาในเอกสารที่ ทนายตั้ม ยื่นเพื่อเป็นการเตือนครั้งที่ 1 ระบุในเนื้อหาว่า หลังจากที่ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล, ภรรยา, นายณัฐพงค์ และนายคชาชาญ เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานสอบสวนหรือร้อยเวรเจ้าของสำนวนมีหน้าที่จะต้องแจ้งความคืบหน้าของการสอบสวนให้ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษหรือผู้เสียหายในคดีอาญาทราบเป็นระยะ โดยแจ้งครั้งแรกเมื่อครบกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่รับคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษ และปัจจุบันได้ผ่านมาเป็นระยะเวลาเกินกว่า 30 วันแล้ว ยังไม่ได้รับการแจ้งความคืบหน้าใด ๆ ว่ามีการดำเนินการถึงขั้นไหน มีการสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่ หรือมีการสรุปสำนวนมีความเห็นอย่างไร จึงขอให้แจ้งให้พนักงานสอบสวนหรือร้อยเวรเจ้าของสำนวนได้แจ้งความคืบหน้าการสอบสวนและหรือรายละเอียดต่างๆให้แก่ตนได้ทราบในฐานะผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีนี้
โดยสัปดาห์นี้จะรอดูว่าคณะกรรมการที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง จะแถลงเรื่องนี้อย่างไร และจะมีการฟอกขาวใครหรือไม่ หรือจะทำแบบตรงไปตรงมา ทั้งนี้ ทนายตั้มยังมองว่า 2 คดี มีความแตกต่างกัน โดยคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ต้องเอาข้อมูลมาป้อนเรื่อย ๆ ส่วนคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่มีใครแจ้งความ ตำรวจก็สามารถทำกันเองได้
เมื่อถามถึงกรณีเดินทางไปยื่นร้อง ปปง. ให้อายัดทรัพย์ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และภรรยา เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้คืบหน้าหรือไม่ ทนายตั้ม เผยว่า ต้องให้เวลาเขาทำงานนิดนึง เพราะเพิ่งไปยื่น แต่คดีที่ สน.เตาปูน มีการแจ้งความมา 1 เดือนแล้ว ยังไม่คืบหน้า ไม่รายงานผล โดยตนเองจะไปร้องสอบวินัยตำรวจดีหรือไม่ กรณีตำรวจไม่ทำตามระเบียบที่จะต้องรายงานผลคืบหน้าใน 30 วัน
ทนายตั้ม กล่าวทิ้งท้ายว่า หากหลังจากนี้ คดีที่ สน.เตาปูน ยังนิ่ง และผลการแถลงของคณะกรรมการที่นายกฯ ตั้งขึ้นก็ยังนิ่ง ตนจะออกมาแถลงอีกครั้ง. -420-สำนักข่าวไทย