กรุงเทพฯ 11 ส.ค.-คดีอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจท่องเที่ยวรายใหญ่ ตำรวจขยายผลจนสามารถจับกุมนายตำรวจยศพันตำรวจโท และนายทหารยศพลตรี โดยอ้างสังกัด กอ.รมน. จับกุมเหยื่อข้อหาแปลมแปลงเอกสาร ก่อนอุ้มตัวไปรีดเงิน
ตำรวจ สน.โคกคราม นำตัว พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทธา อดีตสารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. กับพวกรวม 3 คน ไปขออำนาจศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน พร้อมคัดค้านการประกันตัว หลังถูกตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 จับกุมได้พร้อมนายทหารยศพลตรี และสารวัตรทหารเรือ สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย รวม 5 นาย เมื่อวานนี้ ฐานบุกรุกเคหสถานและกรรโชกทรัพย์ผู้บริหารบริษัทคันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งประกอบบริษัทธุรกิจท่องเที่ยว ในซอยนวลจันทร์ 34 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยใช้วิธีการอ้างตัวว่าสังกัด กอ.รมน. ต้องการมาจับกุมคดีปลอมแปลงเอกสารราชการ ทั้งทะเบียนราษฎร์ และบัตรประชาชน ก่อนควบคุมตัวผู้เสียหายขึ้นรถไปพูดคุยที่ กอ.รมน.เขตดอนเมือง แต่เมื่อถึงที่หมายกลายเป็นโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง มีทหารยศพลตรี สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย นายหนึ่งมาพูดคุยด้วยเพียงครู่เดียว จากนั้นจะให้ผู้ร่วมขบวนการชาวจีนสิงคโปร์ มาเรียกค่าคุ้มครอง 2 ล้านบาท
ด้านผู้เสียหายเกรงว่า หากยังถูกควบคุมตัวอาจไม่ปลอดภัย จึงหาเงินมาจ่ายให้ที่ปั๊มน้ำมันริมถนนวิภาวดี จึงได้รับอิสระ แต่ถัดมาอีก 3 วัน คนร้ายยังติดตามทวงเงินอีกครึ่งหนึ่ง จึงได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคนร้ายไว้เพื่อเป็นหลักฐาน
หลังจากนั้นผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตำรวจก็ได้สืบสวนติดตามจนสามารถติดตามจับตัวคนร้ายได้ 8 คน ที่ จ.นครราชสีมา เหลืออีก 2 คน ที่ยังหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ก็มีเบาะแสแหล่งกบดานแล้ว
ขณะนี้เริ่มมีเจ้าทุกข์ในคดีอื่นได้ติดต่อขอชี้ตัวผู้ต้องหาที่เป็นชาวสิงคโปร์อีก 2 คน รายแรกเป็นหญิงชาวจีนที่มีสามีชาวไทย ถูกผู้ต้องหาเรียกรับเงินจำนวน 750,000 บาท เพื่อแลกกับการทำสัญชาติไทย ในพื้นที่ สน.วังทองหลาง รายที่ 2 เป็นคดีผู้ต้องหาอ้างว่าจะช่วยสิ่งเต้นคดีความให้ชาวจีน คิดค่าดำเนินการกว่า 4 ล้านบาท ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง ด้าน พ.ต.ท.ณัฐฤกษต์ ยังให้การปฏิเสธ และไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดกับสื่อมวลชน ส่วนต้นสังกัดมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง.-สำนักข่าวไทย