กทม. 11 ก.พ.- “บิ๊กก้อง” ยันชายฉกรรจ์ 4 คน อุ้มรีดเงินย่านสายไหม ไม่ใช่ ตร.กองปราบฯ ยํ้าสืบสวนดูสํานวนเอง คาดได้ตัวเร็วๆ นี้ ด้าน “บิ๊กเต่า” ยันคดีตบทรัพย์ ตำรวจทําตามหลักฐานไม่เกี่ยวข้องพรรคการเมือง
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นําทีมแถลงผลการปฏิบัติโดดเด่นภายใต้คอนเซ็ปต์ “CIB Performance Against Crimes” ตอกยํ้า วิสัยทัศน์ มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาตํารวจสอบสวนกลาง ครบรอบ 83 ปี โดยมีตำรวจในสังกัดเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยความคืบหน้ากรณีกลุ่มชายฉกรรจ์ 4 คน อ้างตัวเป็นตํารวจกองบังคับการปราบปราม อุ้มรีดเงินผู้เสียหายจํานวน 1 แสนบาท ย่านสายไหม โดยบอกว่า เจ้าหน้าที่เริ่มดําเนินการตรวจสอบแล้วตั้งแต่เมื่อวานหลังเกิดเรื่อง
เบื้องต้นเชื่อว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตํารวจจริง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ มากไปกว่านี้ได้ แม้เบื้องต้นเชื่อว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตํารวจแต่หากใช่ จะดําเนินคดีตามกฎหมายอย่างเต็มที่ เพราะถือเป็นความผิดอาญาชัดเจน และเชื่อว่าสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ได้อย่างแน่นอน โดยคดีนี้ทางตํารวจสอบสวนกลางลงสืบสวนเอง ส่วนสํานวนทางคดีประสานไปยัง สน.สายไหม เบื้องต้นได้ข้อมูลที่สําคัญมาแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
“ส่วนการตรวจสอบ เป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจจริงหรือไม่ ให้ขอดูบัตรประจําตัวหรือหากยังไม่มั่นใจสามารถโทรไปยังต้นสังกัดของตํารวจนายนั้นๆได้ เพื่อป้องกันการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่” พล.ต.ท.จิรภพ กล่าว พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยความคืบหน้าคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวว่า ในวันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ พนักงานสอบสวนได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับสำนักนายกรัฐมตรีมาให้ข้อมูลจำนวนหลายคนและบุคคลที่เป็นข้าราชการกระทรวงเกษตรฯอีก 2 คน ซึ่งเป็นคนที่นำข้อมูลมาให้กับคนกลุ่มนี้ จะเดินทางเข้ามาพบในวันจันทร์เช่นเดียวกัน แต่จะเป็นลักษณะการพูดคุยยังไม่ได้เป็นการสอบปากคำแต่อย่างใด
ส่วนในวันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ คนใกล้ชิดของ นายศรีสุวรรณ ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ เพื่อเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา รวมถึงนายวีระ จะเดินทางเข้ามาพบกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูลด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ พบผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มของนายศรีสุวรรณ ตบทรัพย์มีความจำนงค์จะทยอยเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วย
สําหรับเส้นทางการเงิน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยืนยันว่า เส้นทางการเงินในวงนี้ชัดเจนถึงทุกคนรวมถึงหลักฐานอื่นๆ โดยที่ประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะไล่ไปดูครบทุกวง แต่สิ่งที่สำคัญคือผู้เสียหายจะให้การหรือไม่ ถือเป็นเรื่องหนักใจของชุดสืบสวนและข้อมูลเบื้องต้นผู้ต้องหากลุ่มนี้ทำหลายเคส จึงอยากได้ข้อมูลกับทุกเคสเพราะจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพื่อใช้ในการดำเนินคดีเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม การทำคดีนี้มีผลกระทบเพราะ มีการพูดไปถึงการทำลายพรรคการเมือง แต่ตนเองขอยืนยัน เจ้าหน้าที่ทำไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น และข้อกฎหมายบางอย่างที่มีการพูดถึง มองว่าคนที่พูดอาจจะให้ข้อมูลยังไม่เข้าใจบางเรื่อง เพราะสิ่งที่ตำรวจดำเนินการตรงประเด็นและตรงกับข้อกฎหมาย ซึ่งมีการศึกษากันมาเพียงพอแล้วทุกอย่างมีเหตุมีผล เพราะผู้ที่ให้ข้อมูลเรื่องต่างๆตอนนี้ดูแล้วยังไม่เป็นข้อเท็จจริง “ส่วนการสรุปสำนวนคดี” จะรีบดำเนินการในวงของอธิบดีกรมการข้าวให้คดีเรียบร้อยและเป็นแนวทางในการสืบสวนวงอื่นๆ ซึ่งใช้คดีต่างๆ มาเป็นพยานแวดล้อมเพื่อให้สำนวนแน่นหนาขึ้นรวมถึงจะขยายวงที่กลุ่มนี้ไปกระทำความผิดให้ครบทุกวง” พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าว.–สำนักข่าวไทย