จ.สงขลา 27 พ.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่ อ.สะเดา ตามงานพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย รับนายกฯ มาเลย์ร่วมสำรวจตรวจจุดเชื่อมต่อด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย หวังลดความแออัดด้านจรจาจรระหว่างชายแดนทั้งสอง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่อ.สะเดา จ.สงขลา ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียที่ด่านศุลกากรสะเดา(แห่งใหม่) โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร น.ส.ศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์ อธิบดีกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศร่วมคณะ
นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบกับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยผู้นำทั้งสองจะร่วมสำรวจจุดเชื่อมต่อถนนเชื่อด่านสะเดาแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีไทยจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีทั้งสองจะเยี่ยมชมด่านด่านบูกิตกายูฮิตัมของมาเลเซีย โชว์ Soft Power ด้านอาหารของจังหวัดสงขลา และภาคใต้ โดย เชฟ “คุณหมอบอส” ศาสตราจารย์ ดร. นวมินทร์ ปิ่นปฐมรัฐ ที่ถ่ายทอดเล่าเรื่องราวของวัตถุดิบภาคใต้ อาทิ ข้าวยำส้มโอควนลัง, ซุปเห็ดพื้นบ้าน, ปลากะพง ราวิโอโล่, เนื้อวากิวตรัง, ขนมตาลโตนดสะทิ้งพระ ฯลฯ พร้อมเสิร์ฟมื้อเที่ยงนายก 2 ประเทศ
สำหรับด่านศุลกากรสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นด่านชายแดนทางบกสำคัญ ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดของประเทศไทย โดยในปีงบประมาณ 2566 สามารถจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 7,691 ล้าน บาท เป็นรายได้ศุลกากร 1,720 ล้านบาท คิดเป็น 22 % สูงกว่าประมาณการ 413 ล้านบาท อีกทั้งด่านศุลกากรสะเดา มีมูลค่านำเข้า–ส่งออกสินค้า รวม 428,919 ล้านบาท มูลค่าการส่งออกในปีงบประมาณ 2566 มีสินค้าส่งออกมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรกคิดเป็น 34% โดยสินค้าส่งออกส่วนมากเป็นน้ำยาง ยางแผ่น ถุงมือยาง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการนำเข้าวัตถุดิบ หรือส่วนประกอบมาผลิตในประเทศเพื่อส่งออก รวม 207,643 ล้านบาท ขณะที่สถิติผู้เดินทางเข้า-ออก ผ่านด่านพรมแดนสะเดา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565–30 กันยายน 2566 มีผู้เดินทางเข้ามา จำนวน 5,358,270 คน และรถส่วนบุคคล และรถบรรทุก จำนวน 656,401 คัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาด่านศุลกากรสะเดา เป็นด่านสำคัญที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย แต่กลับประสบปัญหาในด้านการจราจรเป็นอย่างมาก รัฐบาลจึงอนุมัติ ให้ก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหารถติด เนื่องจากปริมาณรถขนส่งสินค้าเข้า-ออก ผ่านด่านศุลกากร อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งติดกับด่านบูกิตกายูฮีตัม รัฐเกอดะฮ์ ประเทศมาเลเชีย มีปริมาณมากทำให้เกิดความแออัดด้านการจราจร ซึ่งพื้นที่เดิมไม่สามารถรองรับได้ เพื่อให้สามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจการค้าชายแดนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่คาดว่า จะเติบโตตามโครงการก่อสร้างที่คาดว่าจะแล้วเสร็จ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา แต่ต้องล่าช้าออกไป
ทั้งนี้ เนื่องจากเส้นทางด่านสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม ไม่เป็นไปตามแผน ทำให้ปัจจุบันต้องใช้ด่านแห่งเดิมไปก่อน เนื่องจากติดปัญหาตรงที่ไม่มีถนนทางเข้า ที่จะนำรถบรรทุกสินค้าเข้ามาในด่านศุลกากรสะเดาได้ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของการสร้างถนนจากตำบลพรุเตียว ที่จะมาเชื่อมต่อกับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ โดยมีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร สำหรับด่านแห่งใหม่นี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการขนส่งสินค้า ผ่านแดนและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากการจราจรไม่ติดขัดจะทำให้มีนักท่องเที่ยว เข้ามายังประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้เศรษฐกิจในประเทศดียิ่งขึ้น ไม่ต้องแย่งกันใช้ถนนระหว่างรถขนส่งสินค้าและนักท่องเที่ยว.-สำนักข่าวไทย