กรุงเทพฯ 15 พ.ย.-กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า คำสั่งซื้อขายในวันที่ 12 กรกฎาคม2566 ที่ผ่านมา ที่ใช้เวลาประมาณ 2 นาที มีคำสั่งซื้อขายถึง 30 ล้านหุ้น จากการตรวจล่าสุด ไม่พบความผิดแต่อย่างใด แต่ ก.ล.ต.พร้อมเปิดเผยข้อมูลทุกอย่าง พร้อมระบุ”ประเทศไทยไม่เคยสิ้นคนดี”
ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากนี้ไปจะเปิดเผยข้อมูลที่เปิดเผยได้ให้รับทราบเป็นระยะ โดยพร้อมตรวจสอบทุกอย่างและให้ความสำคัญกับนักลงทุน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องการเปลี่ยนตัว กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์และบอร์ดนั้น ไม่ขอตอบเพราะเป็นคนทำงานพร้อมระบุ “ประเทศไทยไม่เคยสิ้นคนดี”
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และนางรศยุพา มิคะเสน ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงถึงข้อมูลอัพเดท สถานการณ์หุ้นไทย ว่า มี 2 เรื่องใหม่ที่จะอัพเดท คือ 1.เรื่อง Short Sale ในตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นการทำธุรกรรมเทรดดิ้ง และ 2.เรื่องโครงสร้างของตลาดหลักทรัพย์ที่จะมีผลต่อการทำงานโดยเรื่องแรก คือ เรื่อง Short Sale ซึ่งเป็นรายการซื้อขายตามข่าวที่เกิดขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 เวลาประมาณ 10.30 น.โดยใช้เวลาในการส่งทั้งหมดประมาณ 2 นาที รวม 6 คำสั่ง จำนวนประมาณ 30 ล้านหุ้น ซึ่งจากการตรวจสอบในวันดังกล่าวและพบข้อเท็จจริงว่า คำสั่งขายจำนวนมากไม่ได้ส่งมาจากForeign Program หรือ โปรแกรมต่างประเทศ แต่เป็นคำสั่งขายจากผู้ถือหุ้นในประเทศที่ถือครองหุ้นมากกว่าจำนวนที่ตั้งคำสั่งขาย จึงไม่ใช่เป็นการ Short Sale
นอกจากนี้ คำสั่งขายจำนวนมากดังกล่าวไม่เกิดการจับคู่กันเลยและไม่กระทบราคาหุ้นในช่วงเวลาที่วางคำสั่งไว้ รวมทั้งภายในระยะเวลา 20 นาทีหลังจากนั้น มีการถอนคำสั่งขายทั้งหมดแล้วไม่ใส่กลับมาอีกเลยตลอดทั้งวัน ดังนั้นรายการนี้ไม่ได้พบความผิดปกติแต่อย่างใดในเรื่องของ Short Sale ซึ่งนายภากร ย้ำว่า เราตรวจสอบทุกอย่างด้วยความโปร่งใสและให้ความสำคัญกับนักลงทุน โปรดอย่าได้กังวล ถ้าผู้สื่อข่าวท่านใดมีประเด็นสงสัย สามารถส่งข้อมูลมาได้ที่ฝ่ายสื่อสารองค์กรของตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนนักลงทุนสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯที่เบอร์ติดต่อ 02-009-9000 ในวันเวลาราชการ จันทร์-ศุกร์
ส่วนเรื่องโครงสร้างของตลาดหลักทรัพย์ฯที่จะมีผลต่อการทำงานนั้น นายภากร กล่าวว่า องค์ประกอบคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ กำหนดให้มาจาก 2 กลุ่ม คือ บุคคลที่คณะกรรมการก.ล.ต.แต่งตั้งจำนวน 6 คน และมาจากบุคคลที่มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกจำนวน 4 คน(แก้ไขให้ลดจาก 5 คนตามกฎหมายกำหนดในปี 2562)ซึ่งประเด็นเรื่อง Conflict of Interest หรือ การขัดผลประโยชน์ของคณะกรรมการก.ล.ต.นั้น ขอเรียนว่า คณะกรรมการต้องปฏิบัติตามกฎหมายหลักทรัพย์และนโยบายการกำกับดูแลกิจการและจรรยาบรรณกลุ่ม ก.ล.ต.โดยกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้ใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณาขัดผลประโยชน์จะต้องแจ้งการมีส่วนได้เสียและไม่เข้าร่วมการพิจารณาในเรื่องนั้นๆ ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ กำลังอยู่ในช่วงที่จะเปิดเผยข้อมูลและกำลังรวบรวมข้อมูล ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติม ก็พร้อมที่จะเปิดเผยให้ทราบ
นายภากร กล่าวด้วยว่า เรื่องการทำโร้ดโชว์นั้นทางตลาดหลักทรัพย์ มีการทำอยู่แล้วใน 3 รูปแบบเช่น ไทยแลนด์โฟกัส เป็นต้น ที่ผ่านมาเคยไปโร้ดโชว์ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศสิงคโปร์ ส่วนในปีหน้ามีโครงการจะไปโร้ดโชว์ที่กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และ ประเทศออสเตรเลียซึ่งในปลายปีนี้จะมีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ส่วนตลาดหุ้นไทย ที่บวกขึ้นกว่า 20 จุดในช่วงบ่ายวันนี้ (15 พ.ย.66)นั้น มีปัจจัยจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ถ้าดัชนีของเราดีดตัวขึ้น ดัชนีโลกก็จะดีขึ้นเช่นกัน เพราะเศรษฐกิจ การเมือง มีผลต่อตลาดหุ้น
สำหรับการเข้าพบนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ต้องเรียนว่า ภาครัฐให้ความสำคัญกับตลาดทุนมากยิ่งขึ้นและต่อไปจะมีการพบปะหารือกันมากยิ่งขึ้นกับหน่วยงานภาครัฐ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายกรัฐมนตรี จะมีการเปลี่ยนตัว กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯและบอร์ด ตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้นตนเองไม่ขอตอบเพราะเราเป็นคนทำงาน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีจะเรียกเข้าไปคุยหรือไม่ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมเอเปคและนายกรัฐมนตรีจะเดินทาง กลับถึงประเทศไทยในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ว่า ไม่ขอตอบเช่นกัน โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า “ประเทศไทย ไม่เคยสิ้นคนดี” .-สำนักข่าวไทย