นนทบุรี 30 ต.ค.-รัฐมนตรีพาณิชย์เตรียมเสนอของบกว่า 69,043 ล้านบาทต่อที่ประชุม นบข.ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันที่ 1 พ.ย.นี้เห็นชอบโครงการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2566/67 โดยจะใช้ 4 มาตรการ ให้เกษตรกรและสหกรณ์เก็บสตอก ผู้ประกอบการเก็บสตอก ให้สินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือก และช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ ด้านเกษตรกรชาวนาย้ำแม้ไม่มีจำนำและประกันรายได้ แต่หลายมาตรการออกมาพอใจ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังประชุมหารือกับสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมแผนรับมือฤดูผลผลิตข้าวเปลือกที่จะออกสู้ตลาดในช่วงปลายปี 66 และต้นปี 67 แม้รัฐบาลจะไม่มีโครงการเปิดรับจำนำข้าวเปลือกหรือโครงการประกันรายได้เกษตรกร แต่รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการดูแลพืชผลทางการเกษตรของพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ จึงมีโครงการชะลอการขายสินค้าข้าว โดยจะจัดทำมาตรการบริหารจัดการข้าวเปลือกนาปี 2566/67 ที่จะออกสู่ตลาดมากตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยดูแลเสถียรภาพราคาข้าวให้กับเกษตรกร
อย่างไรก็ตาม มาตรการบริหารจัดการข้าวเปลือกนาปี 2566/67 ที่กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติหรือ นบข.ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งมีนายเศรษฐ ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะของบประมาณจัดทำโครงการนี้กว่า 69,043.03 ล้านบาทใน 4 โครงการ ได้แก่ 1.การเก็บสตอกเกษตรกรและสหกรณ์เพื่อชะลอข้าวเปลือก เป้าหมาย 3 ล้านตัน โดยช่วย 1,500 บาท/ตัน ในกรณีเข้าร่วมกับสหกรณ์ สหกรณ์รับ 1,000 บาท/ตัน เกษตรกรรับ 500 บาท/ตัน เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง 1–5 เดือน และให้นำออกขายเมื่อข้าวราคาดี
2.ผู้ประกอบการเก็บสตอก เป้าหมาย 10 ล้านตัน ช่วยดอกเบี้ย 4% เก็บสตอก 2–6 เดือน
3.สินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือก เป้าหมาย 1 ล้านตัน โดยช่วยดอกเบี้ย 15 เดือน ในอัตรา 3.85% สหกรณ์เสียดอกเบี้ย 1%
4.ช่วยลดต้นทุนการผลิต หรือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ หรือ ครัวเรือนละ 20,000 บาท
ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการที่ให้เกษตรกร สหกรณ์ และให้ผู้ประกอบการช่วยเก็บสต๊อกและเสริมสภาพคล่องจะทำให้ราคาข้าวเปลือกในฤดูกาลนี้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น และยังได้ใช้โอกาสนี้ติดตามการดำเนินโครงการ “พาณิชย์สั่งลุย ลดราคาปุ๋ย” ณ จังหวัดอุดรธานี โดยมีสถาบันเกษตรกรที่สั่งซื้อปุ๋ยในโครงการในล็อตแรก ที่จะส่งมอบระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม นี้ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 1.สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.อุดรธานี 2.สหกรณ์การเกษตรปฏิรูปที่ดินบ้านน้ำพ่น 3.สหกรณ์การเกษตรหนองวัวซอ และ 4.สหกรณ์การเกษตรกุดจับ ปริมาณปุ๋ยรวม 1,200 กระสอบ ซึ่งได้มีการรับมอบและส่งมอบในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการนี้จะยังคงแซงต่อไปจนถึงสิ้นสุดเดือนธันวาคม ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยไปได้สูงสุดกระสอบละ 50 บาท
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยกล่าวว่า แม้รัฐบาลไม่มีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกและโครงการประกันรายได้เหมือนที่ผ่านๆมา แต่หลังจากประชุมหารือกับทางกระทรวงพาณิชย์และได้ทราบถึงมาตรการบริหารจัดการข้าวเปลือกนาปี 2566/67ในหลายประเด็นเห็นว่ามีความพอใจและตรงตามที่สมาคมได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ โดยแนวทางอื่นๆทางสมาคมเตรียมนำข้อเสนอไปชี้แจงกรอบ นบข.ต่อไป .-สำนักข่าวไทย