กรุงเทพฯ 20 ต.ค. – “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” รุกตั้งฐานปฏิบัติการหลอกเหยื่อใจกลางกรุงเทพฯ โทรผ่านอุปกรณ์ซิมบ็อก ยึดของกลางเครื่องซิมบ็อกและซิมมือถือกว่า 300 ซิม
พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมายและประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ แถลงผลการตรวจค้นเป้าหมาย จำนวน 5 จุด ทั่วกรุงเทพฯ สามารถตรวจยึดอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สอท. ได้ประสานการปฎิบัติร่วมกับ กสทช.พบข้อมูลว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้มีการย้ายฐานปฏิบัติการเข้ามาตั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวนหลายแห่ง โดยการใช้เครื่องมือวิทยุโทรคมนาคมผิดกฎหมายเพื่อโทรและส่งข้อความหลอกลวง มีประชาชนตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก จึงสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นจากศาลจนนำมาสู่การปฏิบัติการเข้าค้นพร้อมกัน 5 จุด ในวันนี้ ได้ของกลางเครื่องซิมบ็อกและซิมมือถือกว่า 300 ซิม
สำหรับการทำงานของเครื่อง GSM Gateways (Simbox) เป็นอุปกรณ์ที่คนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการโทรศัพท์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้วแปลงสัญญาณเป็นสัญญาณโทรศัพท์เพื่อโทรออกไปหลอกลวง หรือข่มขู่ผู้เสียหาย โดยลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย เป็นความผิด ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ “ฐานใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนโดยบุคคลอื่นบุคคลใดไม่ชอบ” และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคมฯ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สอท. และขยายผลไปถึงผู้ทำสัญญาเช่าอาคารและผู้ให้เช่าเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า สาเหตุที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หันมาใช้ Simbox เนื่องมาจากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. กับ สอท.ระดมจับกุมและตรวจยึดสถานีโทรคมนาคมผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านอย่างหนัก ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานปฏิบัติการตามแนวชายแดนบางส่วนย้ายเข้ามาตั้งฐานในประเทศและใช้เครื่อง GSM Gateways (Simbox) ที่สามารถใส่ได้ถึง 32 ซิม และเดิมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้วิธีเช่าบ้านแล้วตั้งราวเตอร์เพื่อต่อกับซิมบ็อก ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจจับจากจำนวนการใช้งานที่ผิดปกติ แต่ในการเข้าตรวจค้นทั้ง 5 จุด ในวันนี้ พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ แล้วใช้ราวเตอร์ของอาคาร ทำให้กลืนไปกับปริมาณการใช้งานของอาคารเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตรวจจับได้ยากขึ้น
นอกจากนี้การเข้ามาตั้งซิมบ็อกในประเทศไทยทำให้หมายเลขการโทรแสดงเป็นหมายเลขภายในประเทศ เพื่อหลบเลี่ยงมาตรการขึ้นหมายเลขหน้าเบอร์โทร PreFix ของ กสทช. โดยเครื่องมือโทรคมนาคมดังกล่าว ไม่ผ่านการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานจากสำนักงาน กสทช. แต่อย่างใด จึงเป็นความผิดฐาน “มี, ใช้ และนำเข้าเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้คลื่นความถี่โดยไม่ ได้รับอนุญาต” ตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท และฐาน “ประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้อนุญาต” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท นอกจากนี้ในประเด็นซิมผีและบัญชีม้า
สำนักงาน กสทช. ได้มีมติออกประกาศให้บุคคลที่ถือครองซิมจำนวนมาก ๆ มายืนยันตัวตนภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อประโยชน์หากว่าซิมใดซิมหนึ่งถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถสาวถึงผู้กระทำความผิดและผู้ร่วมขบวนการ นำตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว. -สำนักข่าวไทย