สาธารณรัฐประชาชนจีน 18 ต.ค. – นายกฯ ปลื้ม หลังชวน “ปูติน” เยือนไทย ตอบรับด้วยพูดภาษาไทย “ขอบคุณครับ” เตรียมคุยจีนฟรีวีซ่า 2 ประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการพบปะกับผู้นำระดับโลกในช่วงบ่ายวานนี้ (17 ต.ค.) ว่าได้มีโอกาสพบกับนายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพบปะพูดคุยกันด้วยดีและแสดงเจตจำนงที่จะให้สมาชิกรัฐสภารุ่นใหม่มาพบปะพูดคุยกันมากขึ้น กระชับความสัมพันธ์กันระหว่าง 2 รัฐสภา และได้แสดงความชื่นชมระหว่างกัน เรื่องการแก้ปัญหาความยากจน จากนั้นได้พบกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย โอภาปราศรัยที่ดี
“ประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่าไทยและรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมา 125 ปี แลกเปลี่ยนทางด้านการค้า วัฒนธรรม และหลายๆ เรื่อง อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมาท่องเที่ยวเมืองไทยที่ผ่านมา 1 ล้านกว่าคนแล้ว ดีใจที่ไทยได้เพิ่มจำนวนวันพำนักให้กับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจาก 30 วัน เป็น 90 วัน ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ท่านก็ชอบภูเก็ต เข้าใจว่าเดินทางมาเป็นประจำ ซึ่งตนได้เชื้อเชิญท่านว่าในปีหน้าขอให้มาเยี่ยมเยียนประเทศไทย ท่านก็พยักหน้า พร้อมกล่าวคำว่า “ขอบคุณครับ” ซึ่งเมื่อท่านพูดภาษาไทยได้ก็แสดงว่ามีความคุ้นเคยที่ดี ทั้งกับอดีตผู้นำด้วย และหลายๆ อย่าง การพูดจากันเป็นไปด้วยดีอย่างมาก” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงค่ำได้ร่วมงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำ ที่ทางนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงรับรองกับผู้นำทั้ง 20 กว่าประเทศ ซึ่งระหว่างรอได้พบปะพูดคุยกับผู้นำจากลาว เวียดนาม และกัมพูชา โดยเป็นการพูดคุยกันที่ดี ซึ่งตนจะเดินทางไปเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการด้วย เพราะเป็นประเทศในอาเซียนที่ยังไม่ได้ไปเยือน และทาง สปป ลาว ทราบดีว่าระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ ตนจะเดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการ ซึ่งท่านยินดีและพร้อมที่จะเจอกับเราอีกครั้งหนึ่ง
“มีโอกาสได้พบกับนายสีจิ้น ผิง ช่วงเวลาสั้นๆ ได้ถ่ายรูปและทักทายกับท่านและภรรยา และนั่งร่วมโต๊ะกับรองประธานาธิบดีที่เป็นเบอร์ 2 ได้พูดคุยกันเรื่องเศรษฐกิจ และสัมพันธภาพที่ดีระหว่างสองประเทศ รวมทั้งเรื่องที่จะพูดคุยกันอย่างเป็นทางการในวันเดียวกันนี้ ทั้งเรื่องวีซ่าที่หวังว่าจะทำให้เป็นระยะยาวไปเลยทั้งสองประเทศ คือต้องฟรีวีซ่าทั้งสองประเทศ เป็นการพูดคุยกันที่ดี นอกจากนี้ยังได้พบกับเลขาธิการสหประชาชาติด้วย ได้พูดคุยกันถึงสถานการณ์ในอิสราเอล” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับภารกิจในวันที่ 18 ตุลาคม เป็นการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Coperration-BRF) ครั้งที่ 3 และช่วงบ่ายจะเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ อีกทั้งวันเดียวกันนี้จะได้พบกับบริษัทจีนเพิ่มมากขึ้น โดยจะเจอกับทางจีลี่ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกบริษัทหนึ่ง เป็นการต่อเนื่องจากที่ได้ไปเจรจามาจากมาเลเซีย ซึ่งเขากับโปรตอนน่าจะสนใจที่จะเข้ามาตั้งโรงงาน ซึ่งกำลังการผลิตปีละประมาณ 100,000 คัน ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และมีความคืบหน้าในการเจรจา เป็นสานต่อจากรัฐบาลที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราได้เปิดประเทศแล้วมีนักธุรกิจจากหลายประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเราก็พร้อมต้อนรับอย่างเต็มที่
“เมื่อเราได้ประกาศว่าเราเปิดประเทศแล้วก็มีนักธุรกิจหลายคน เพราะแต่ละคนก็มีพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็ได้มาขอเจรจาพูดคุย รวมทั้งมีการเสนอแนะ ซึ่งไทยพร้อมเสมอ วันนี้เราไม่ต้องการให้บริษัทต่างๆ เข้ามาแค่การผลิตรถยนต์ ไม่เช่นนั้นประเทศเราก็จะได้แต่ค่าแรงเพียงอย่างเดียว แต่ถ้ามีหลายบริษัทสนใจเข้ามา ทั้งการผลิตอุปกรณ์ ความต้องการต่างๆ ก็จะมีเพิ่มมากขึ้นถือเป็นเรื่องดี วันนี้จะมีการสานต่อเพื่อการพัฒนาและร่วมงานกันที่ดีต่อไป ทั้งนี้ เมื่อเราบอกว่าเปิดประเทศแล้วก็มีหลายธุรกิจที่สนใจจะเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการเดินทางเข้าร่วมประชุมและเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ มีภาคธุรกิจของไทยเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะได้พบและหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าอยากให้รัฐบาลมีส่วนช่วยเหลือผลักดันอย่างไร และในช่วงเย็นวันเดียวกันจะได้หารือทวิภาคีกับนายหลี เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งประเด็นที่จะมีการหารือกัน จะมีเรื่องวีซ่า เรือดำน้ำ การค้า การลงทุน รถไฟความเร็วสูง.-สำนักข่าวไทย