🎯 ตรวจสอบกับ ผศ. ภกญ. ดร.รสริน ตันสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาอาหารและเภสัชเคมี คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กรดไขมันโอเมก้า 6 เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายจะต้องได้รับจากอาหาร ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์เองได้
กรดไขมันโอเมก้า 6 หลัก ๆ ที่พบคือกรดไขมันไลโนเลอิก เวลาร่างกายได้รับเข้าไปก็จะเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
อีกตัวหนึ่งที่ได้ยินบ่อย ๆ คือ Arachidonic acid : AA ตัวนี้จะมีจำนวนคาร์บอนที่เป็นสายยาวขึ้น และมีพันธะคู่มากยิ่งขึ้น
เวลาที่จะดูว่าไขมันตัวไหนเป็นกรดไขมันโอเมก้า 6 ดูที่ตัวโครงสร้างของกรดไขมัน ซึ่งเป็นสูตรพันธะคู่ มีปลาย 2 ข้าง คือ เมทิลและคาร์บอกซีลิก และในเชิงโภชนาการจะนับปลายที่เป็นเมทิล เวลานับตำแหน่งนับที่ตัวคาร์บอนไปเรื่อย ๆ เราพบพันธะคู่ที่ตำแหน่งที่ 6
ประโยชน์ของกรดไขมันโอเมก้า 6
“โอเมก้า 6” เป็นกรดไขมันจำเป็นเหมือนกับ “โอเมก้า 3” เป็นตัวตั้งต้นของการสร้างสารไอโคซานอยด์ (Eicosanoids) ที่ช่วยให้ร่างกายทำงานปกติ
กรดไขมันโอเมก้า 6 มีคุณสมบัติหลัก ๆ ลดอาการปวด ลดการอักเสบ แต่ว่าไม่ได้ผลชัดเจนเท่ากับกรดไขมันโอเมก้า 3
กรดไขมันโอเมก้า 6 จะพบมากในน้ำมันปรุงอาหารที่กินทั่วไป เช่น น้ำมันพืช น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน
สำหรับปริมาณการกินกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่ควรได้รับสำหรับผู้ใหญ่ แนะนำให้กินกรดไขมันโอเมก้า 6 ประมาณ 2.5-9 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน คือไม่ควรต่ำกว่า 2.5 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน
ความสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6
“โอเมก้า 3” และ “โอเมก้า 6” เป็นกรดไขมันที่จำเป็นทั้งคู่
คุณสมบัติของกรดไขมันโอเมก้า 3 คือเป็นสารตั้งต้นของไอโคซานอยด์ ที่ลดการอักเสบ ยับยั้งการอักเสบต่าง ๆ และ “ลดการแข็งตัวของเกล็ดเลือด” ซึ่งจะช่วยลดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
ในขณะที่กรดไขมันโอเมก้า 6 มีการสร้างสารบางชนิด “ทำให้เลือดแข็งตัว” ซึ่งทำงานตรงกันข้ามกับกรดไขมันโอเมก้า 3
มีหลักฐานยืนยันว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 ลดการอักเสบได้มากกว่ากรดไขมันโอเมก้า 6
กิน “กรดไขมันโอเมก้า 3” และ “กรดไขมันโอเมก้า 6” อย่างไร
กรดไขมันโอเมก้า 3 และ กรดไขมันโอเมก้า 6 คนเราได้รับในชีวิตประจำวันมากอยู่แล้ว เช่น เวลากินของทอดที่ทอดด้วยน้ำมันพืช เราก็จะได้รับโอเมก้า 6 อยู่แล้ว ซึ่งทำให้คนไทยไม่ค่อยขาดโอเมก้า 6
สำหรับกรดไขมันโอเมก้า 3 คนบางกลุ่มจะขาด เช่น คนที่ไม่ค่อยได้กินปลาทะเลและปลาน้ำจืด
นอกจากนี้ กินไขมันให้เพียงพอในแต่ละวัน เพราะร่างกายจะใช้ประโยชน์ของกลุ่มกรดไขมันโอเมก้า 3 กับโอเมก้า 6 คล้ายคลึงกัน ดังนี้
กรดไขมันโอเมก้า 3 จะสร้างไอโคซานอยด์ ทำให้ “ลดการแข็งตัวของเลือด” คือทำให้เลือดไหล (ใครที่จะเข้ารับการผ่าตัด และ/หรือ ถอนฟัน จะต้องบอกแพทย์ด้วยว่ากินอาหารเสริมหรือวิตามินอะไรอยู่บ้าง) ยับยั้งการอักเสบ
กรดไขมันโอเมก้า 6 จะทำให้ “เลือดแข็งตัว” (เลือดหยุดไหล) ซึ่งจะทำงานตรงข้ามและถ่วงดุลกัน
กรดไขมันโอเมก้า 6 พบได้ในน้ำมันพืช ถั่วชนิดต่าง ๆ ในปลาเพียงเล็กน้อย รวมทั้งอาหารทั่วไป
ทั้งนี้ คนเราต้องกินอาหารที่มีกรดไขมั้นทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อความสมดุลกัน ซึ่งร่างกายต้องการกรดไขมันโอเมก้า 6 มากกว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 ประมาณ 3 : 1 จนถึง 5 : 1
ร่างกายคนเรามีความต้องการทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6
การโฆษณาประชาสัมพันธ์ความสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า 3 มากเกิน อาจทำให้ผู้บริโภคลืมความสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า 6 ด้วย
ดูเพิ่มเติม รายการชัวร์ก่อนแชร์ :
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter