กรุงเทพฯ 22 ส.ค.-หุ้นไทยภาคเช้าบวกกว่า 10 จุด ขานรับการเมืองสดใส จับตา หน้าตา ครม. ใหม่ และทีมเศรษฐกิจ มองการขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อไทย หนุนกลุ่มค้าปลีกอิงกำลังซื้อต่างจังหวัด, กลุ่มธนาคาร และการลงทุน
ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปรับตัวขึ้นกว่า 10 จุดตอบรับบรรยากาศการเมืองสดใสหลังจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับถึงไทยตามกำหนดและการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ที่จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย ให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา และเมื่อเวลา 10.36 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,536.06 จุด เพิ่มขึ้น 10.21 จุด (+0.67%)
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บลป. เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่าความชัดเจนในการโหวตเลือกนายกฯบ่ายวันนี้ ถือเป็นแรงส่งทางบวกสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและบรรยากาศการลงทุน ซึ่งเชื่อว่าตลาดจะตอบรับและปรับต่อขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ โดยแนวต้านสำคัญถัดไปคือ1540 จุด สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนโยบายแจกเงินดิจิทีล10,000 บาท จะสามารถช่วยกระตุ้นแรงซื้อ ให้กับหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าอุปโภค บริโภคได้เป็นอย่างดี
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุ การเมืองภายในยังเดินหน้าต่อ เมื่อพรรค ร่วมรัฐบาลได้ 11 พรรค รวม 314 เสียง เท่ากับต้องการ 62 เสียง จาก ส.ว. หรือ ส.ส. ขั้วตรงข้ามประเมินว่ามีโอกาสโหวตสำเร็จ หากโหวตผ่านคาดตลาดจะติดตาม หน้าตา ครม. ใหม่ และทีมเศรษฐกิจว่าจะสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนมากน้อยเพียงใด และ การขับเคลื่อนนโยบายหลักๆที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มองหนุนกลุ่มค้าปลีกอิงกำลังซื้อต่างจังหวัด,กลุ่มธนาคาร และการลงทุน จากโครงสร้างนโยบายที่มี 2 องค์ประกอบหลัก คือ
ส่วนที่ 1 คือ เศรษฐกิจฐานรากและดิจิทัล โดยDigital Wallet กระตุ้นบริโภคระยะสั้น, เพิ่มรายได้ต่อครัวเรือน หนุนระยะกลาง-ยาว ผ่านกลไกเพิ่มทักษะ หรือPlatform สร้างอาชีพ สร้างคนที่มีศักยภาพใน ครอบครัว, Soft Power ,การจัดโครงสร้างธุรกิจเกษตร (ปลูก/เลี้ยงพืช สัตว์ตรงความต้องการโลก นำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน)) และเมื่อ GDP เริ่มตั้งฐานเติบโตได้เป้าหมายประมาณ 5 % ต่อปี จะตามด้วยการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและการปรับเงินเงินเดือนปริญญาตรี
ส่วนที่ 2 คือ การขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (ผลักดันรถไฟความเร็วสูง รถไฟเชื่อมระหว่างเมืองหลัก เมืองรอง, สนามบิน) และการลงทุน (เพิ่มพื้นที่นิคมใหม่ๆ อำนวยความสะดวกลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น ระบบรัฐบาลดิจิทัล ลดขั้นตอนติดต่อ และเพิ่มสิทธิประโยชน์ผลักดัน S Curve ใหม่ฝั่งดิจิทัลในกลุ่ม SMEs และ Start-up) .-สำนักข่าวไทย