“วิโรจน์” เชื่อก้าวไกลทำงานกับเพื่อไทยได้

พรรคก้าวไกล 7 ส.ค. – “วิโรจน์” บอก “โอกาสมีเสมออย่าไปทิ้งโอกาส” หลังแสดงความรู้สึกให้เพื่อไทยกลับมาจับมือกับก้าวไกลเพื่อ ปชช. มั่นใจทำงานร่วมกันได้ ยกเพลง “ไม่ไหวบอกไหว” เปรียบ พร้อมให้กำลังใจ “เศรษฐา” หลังถูกข้อกังขา เชื่อหากเปลี่ยนตัวเป็น “ชัยเกษม-อุ๊งอิ๊ง” ก็ถูกขั้วอำนาจเก่าหาเรื่องมาอ้างไม่เอาอยู่ดี ขอเพื่อไทยอย่าไปยอมให้ถูกหลอกอีกเลย


นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงประเด็นที่โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “เดินกลับแค่เสียหน้า ถ้าเดินหน้าจะเสียทุกอย่าง” ว่าเป็นความรู้สึกที่สะท้อนออกมาจากประชาชนจึงได้สะท้อนออกไป ส่วนต้องการจะให้พรรคเพื่อไทยกลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น ไม่ได้เป็นการกลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกล แต่กลับมาอยู่กับฝ่ายประชาชนมากกว่า เพราะฝ่ายที่จะต้องอยู่คือฝ่ายเดียวกันกับประชาชน ซึ่งมองว่าจะเป็นทางออกที่จะปกป้องเสียงของประชาชนได้ และเป็นโอกาสเดียวที่จะฟื้นฟูอุดมการณ์ของประชาธิปไตย เพราะอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

“เป็นความเห็นส่วนตัวของตน ซึ่งจากการติดตามประวัติศาสตร์ทางการเมืองกันมา ฝ่ายอนุรักษ์นิยม หรือฝ่ายอำนาจนิยม เขาก็เจ้าเล่ห์เพทุบาย และโหดเหี้ยมมากอยู่แล้ว แต่จุดแข็งของฝ่ายอำนาจเก่า คือการรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น และใช้ยุทธวิธีเดิมๆ คือการแบ่งแยกและปกครอง อย่าคิดว่าใครมาจับมือกับใคร แต่ตนคิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องเคารพเสียงของประชาชน และปกป้องเสียงของประชาชนที่เขาอุตส่าห์ไปเลือกตั้งมา บางคนเสียสละเวลาในการทำภารกิจ ลางานเพื่อไปเลือกตั้ง ตนจึงคิดว่าฝ่ายประชาธิปไตยควรจะต้องลืมความรู้สึกแบบปัจเจก เรื่องคิดเล็กคิดน้อยกันบ้าง แต่ในเรื่องขององค์กรทางรัฐธรรมนูญ ถ้ามีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่หากมีอุดมการณ์ที่ใกล้เคียงกันจะต้องทำใจให้กว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยและมองผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ เมื่อไรแตกปุ๊ป จบเลย เพราะฝ่ายโน้นเขาอยากให้แตกกันอยู่แล้ว แล้วถ้าเราเอาเรื่องมาฟื้นฝอยหาตะเข็มมันก็ไม่จบ” นายวิโรจน์กล่าว


นายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีสิทธิที่จะเดินหน้าหรือถอยหลัง แต่หากเรามองจากภายนอกตามประวัติศาสตร์ทางการเมือง ต้องยอมรับว่าฝ่ายประชาธิปไตยก็ถูกกระทำ และถูกหลอกจากฝ่ายอำนาจเก่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า และฝ่ายอำนาจเก่าเขาไม่เคยแตกแถวกัน ทำเหมือนแตก แต่จริงๆ เป็นการแยกกันตีแล้วกลับมารวมกันเดิน

ส่วนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เริ่มถูกตั้งข้อกังขาเหมือนที่พรรคก้าวไกลโดนนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ และตนก็ขอให้กำลังใจนายเศรษฐา เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เราเคยคาดการณ์มาก่อน และเราก็เคยพูดเตือนมาแล้ว

“อย่างกรณีของก้าวไกล โดนเรื่อง ม.112 ก็เป็นเพียงข้ออ้าง พอหมดข้ออ้างหนึ่ง ก็หาข้ออ้างสอง พอหมดข้ออ้างสองก็หาข้ออ้างสาม พอเห็นท่าทีของก้าวไกลที่พร้อมจะยืดหนุ่น เปิดใจรับฟัง ก็กลายเป็นว่าอะไรที่เป็นก้าวไกลก็ไม่เอาหมดเลย และนี่แรกๆ ก็บอกไม่มีปัญหา และหลังๆ ก็ค่อยๆ งอกปัญหาออกมาเรื่อยๆ เห็นหรือไม่ว่าฝ่ายนั้นอำมหิตขนาดไหน เราก็แค่บอกว่าอย่าไปยอมให้มันหลอกเลย และประชาชนก็คือคนที่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนี้มันหลอก เพราะหากดูคอนเมนต์ในโซเชียล หรือเจอประชาชนตามตลาด ก็มักจะบอกว่าอย่าไปเชื่อมันหลอก ยอมเรื่องหนึ่งเดี๋ยวก็หาเรื่องอื่นอีก” นายวิโรจน์กล่าว


ส่วนหากเปลี่ยนเป็นเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะมีปัญหาหรือไม่ นายวิโรจน์ บอกว่า เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่หน้าที่ตน แต่เชื่อเถอะ ต่อให้เปลี่ยนเป็นใคร ฝ่ายโน้นก็หาเรื่องอยู่ดี

“เอาง่าย ๆ ของที่มันไม่ซื้ออยู่แล้ว ต่อให้เปลี่ยนเป็นชิ้นนี้ มันก็ติเอาชิ้นใหม่มาก็หาเรื่องติ ต่อให้บอกว่าถ้าไม่ใช่ชิ้นนี้ยังไงก็เอา ก็หาเรื่องติ สุดท้ายคือใจมันไม่เอา ไม่คิดจะซื้ออยู่แล้ว เพราะมันเตรียมของไว้ในกระเป๋าอยู่แล้ว ดังนั้น อย่าให้มันหลอกดีที่สุด นี่ตนพูดด้วยความหวังดี เพราะเขาหลอกประชาชนมากี่ครั้งกี่หนแล้ว จนประชาชนตอนนี้ไม่ยอมให้หลอกแล้ว”

นายวิโรจน์ ยืนยันว่า เรื่องการแก้ไข 112 ก็ไม่ใช่ประเด็น แต่จริงๆ คือกลัวว่าก้าวไปจะเข้าไปปราบทุจริต เข้าไปแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่บิดเบี้ยว หรือกลุ่มทุนผูกขาด กลุ่มทุนอุปถัมภ์ที่กินรวบแล้วกลัวว่าจะเอาเปรียบประชาชนไม่ได้เหมือนเดิม

“เมื่อถึงจังหวะมันก็ต้องฮึบ ต้องลืม เจ็บมันก็ต้อง เคยฟังเพลง ‘ไม่ไหวบอกไหว’ หรือไม่ มันต้องจับมือกันแล้วไปต่อ เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาของนายวิโรจน์ กับนายคนนั้น แต่มันเป็นเรื่องของปัญหาประชาชนเป็นสำคัญ ถ้าอยู่ดีๆ คุณเอาความรู้สึกไม่สบายใจส่วนตัวแล้วมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง แล้วทำให้คนที่ได้รับบาดเจ็บคือประชาชนและอุดมการณ์ประชาธิปไตย ก็คงไม่มีประโยชน์” นายวิโรจน์กล่าว

ส่วนหากเพื่อไทยกลับมาจับมือกับก้าวไกลอีกครั้งจะต้องมีเงื่อนไขพิเศษอะไรหรือไม่นายวิโรจน์ กล่าวว่า คงไม่มี แต่ต้องคุยกันว่าโดนแล้วใช่หรือไม่ แล้วจะมารวมมือจับมือสู้ต่อกันยังไง เพราะตนเคยบอกว่าจากเดิมเพื่อไทยก้าวไกล รวมกันได้ 312 เสียง ทำไมดูยากเย็น เพราะไม่ได้สู้กับ 188 เสียง แต่สู่กับ 424 เสียง คือ 188 รวมกับ 236 เสียง คือเสียง สว. แล้วจะเชื่อจริงๆ หรือว่า สว.แต่ละคนมีความเป็นอิสระ ตนมองว่าประชาชนไม่เชื่อ จะต้องมีคนกดปุ่ม ดังนั้น จึงไม่ต้องไปสนใจที่จะคุยกับทีละคน แต่มองว่าจะต้องคุยกับ 2 คนคือ คุยกับ สว. ที่เป็นกลาง 13 คน แต่ก็จะมีอีกกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ที่เป็น สว.ระบบกดปุ่ม ซึ่งต้องไปคุยกับเจ้าของปุ่ม แล้วจะไปเชื่อเจ้าของปุ่มได้หรือ และคิดว่าเขาจะให้ สว.ในคอนโทรล กดปุ่มให้คุณฟรีๆ โดยที่เขาไม่ได้ร่วมรัฐบาลหรือ คงเป็นไปไม่ได้ โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี

“ตอนนั้นเรามี 312 งัดกับ 424 ยังเหนื่อย ตอนนี้เหลือแค่ 141 อย่าว่าแต่ 424 เลย เจอแค่ 188 ก็หนาวแล้ว ซึ่งตอนนั้น 188 เสียงยังไม่กล้ามาต่อรองยังไม่กล้าหือ เพราะฝ่ายเรายังมี 312 ทำให้ 188 ก็เลยเงียบ แล้วก็ต้องเรียกกองพลหลังม่านเข้ามาเติม 236 เลยมารวมเป็น 424 แต่ตอนนี้เหลือแค่ 141 ทำให้หลังท่านเงียบไปเลย เพราะเจอแค่ 188 เสียงก็ตายแล้ว” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า หากเพื่อไทยและก้าวไกลกลับมาจับมือกัน ก็คงทำงานด้วยกันได้เพราะเรื่องการทำงานกับเรื่องความรู้สึกเป็นคนละเรื่องกัน และความไม่สบายใจจะลดทอนไปเองตามกาลเวลา และการทำงานที่มันราบรื่นหากอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน เพราะฉะนั้นทำไมเราถึงพูดว่า มีลุงไม่มีเรา เพราะอุดมการณ์ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กับพรรคเพื่อไทยเรายังมองว่า เป็นเพื่อนเรา และเคยทำงานร่วมกันตอนเป็นฝ่ายค้าน ทั้งนี้ ยังตอบไม่ได้ว่าจะตรงกัน 100% แต่ส่วนใหญ่ก็มองตรงกัน ถ้าถึงจังหวะที่จะต้องฮึบๆ บ้าง ไม่ไหวบอกไหวบ้างก็จะต้องทำ เมื่อถามย้ำอีกว่ามีโอกาสที่จะกลับมาจับมือกันได้หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวช่วงท้ายว่า โอกาสมีเสมอ คุณอย่าไปทิ้งโอกาส.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่

เลือกตั้ง อบจ.

“แสวง” ลงพื้นที่สังเกตการณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี

“เลขาฯ แสวง” ลงพื้นที่ตรวจรับ-มอบอุปกรณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี พร้อมสังเกตการณ์เลือกตั้งพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ 8.00-17.00 น.