เพื่อไทย 12 ก.ค. –“นพ.ชลน่าน” ยืนยัน “พิธา” ยังมีคุณสมบัติชอบธรรมที่จะได้รับการเสนอชื่อให้โหวตนายกฯ ชี้ กกต.ลงท้ายคำร้อง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” เป็นเรื่อง มั่นใจ ส.ว.มีความรับผิดชอบมาร่วมประชุมพรุ่งนี้
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องการถือหุ้นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะมีผลต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้หรือไม่นั้น ว่า ในขั้นตอนของการเสนอชื่อไม่เป็นปัญหา การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรียังดำเนินต่อไปตามที่ประธานรัฐสภานัดหมายไว้ ยังไม่เปลี่ยนแปลง ขั้นตอนการเสนอชื่อ ขั้นตอนการอภิปราย ขั้นตอนการซักถาม ยังเป็นไปตามที่กำหนดไว้
ส่วนหากวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) นายพิธาผ่านการโหวต จะมีเรื่องร้องเรียนตามมาภายหลังหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร จึงต้องรอดูข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้น
ส่วนคำร้องเรื่องการให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นคำร้องตามปกติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 เมื่อขอให้วินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติ ก็สามารถร้องขอให้ศาลวินิจฉัย โดยขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ขณะรอฟังคำวินิจฉัยได้
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยให้ฝ่ายกฎหมายวิเคราะห์กรณีที่ ส.ว.ให้ความเห็นกรณีรู้ว่าขาดคุณสมบัติแล้วยังสนับสนุน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ปรึกษาหารือกัน แต่ไม่ถึงขั้นวิเคราะห์ เพราะสิ่งที่ ส.ว.ระบุเป็นเพียงการตั้งข้อสันนิษฐานของ ส.ว.เพียงบางคน ซึ่งได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว มั่นใจว่าการกระทำชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อถามย้ำว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าสถานการณ์แบบนี้จะเป็นข้ออ้างให้ ส.ว.ไม่โหวตนายพิธา นพ.ชลน่าน ยอมรับว่า เป็นห่วงในฐานะที่เป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน เพราะเป้าหมายของ 8 พรรคร่วมฯ ต้องการให้การโหวตนายกรัฐมนตรีสำเร็จลุล่วง แต่เมื่อข้อห่วงใยนี้เกิดขึ้นแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องแก้ปัญหาให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า
ส่วนที่ กกต.มีมติออกมาแบบนี้ มองว่าเร็วไปหรือไม่ เพราะจะเข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้แล้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อวานนี้เพิ่งประชุม 8 พรรคร่วมกัน จึงยังไม่ได้นำเรื่องนี้หารือกัน
นพ.ชลน่าน กล่าวถึงสถานการณ์ที่มวลชนจะมาปักหลักสังเกตการณ์การโหวตนายกรัฐมนตรีพรุ่งนี้ ว่า ห่วงสถานการณ์ แต่ขอฝากว่าทำทุกอย่างให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ทั้งในสภาฯ ที่ต้องยึดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ข้อเท็จจริงและข้อพิจารณาต่าง ๆ และยึดผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ ส่วนมวลชนที่มาก็มีสิทธิเสรีภาพแสดงออกภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่คิดว่าเป็นปัญหา
ส่วนประเด็นที่พรรคเพื่อไทยยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ทิ้งพรรคก้าวไกล เคยถามกลับไปยังพรรคก้าวไกลหรือไม่ว่าจะทิ้งพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวที่วิเคราะห์กันว่า นายกรัฐมนตรีอาจจะเป็นของเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เคยถาม เพราะต้องระมัดระวังทุกจังหวะการก้าวเดินไปพร้อมกัน คำถามไหนที่ไม่เหมาะสม เพราะในสถานการณ์ขณะนั้นอาจจะไม่ควรถามอย่างยิ่ง นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลในฐานะที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มาชวนเราเข้าร่วมรัฐบาล เราย่อมเชื่อมั่นในความจริงใจของพรรคก้าวไกล จะให้ไปถามกลับว่า หากมีอะไรเกิดขึ้นจะทิ้งเราไหม ก็ไม่ควรถาม
“เราพูดคุยกันตลอด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรัฐบาลประชาธิปไตย และวันพรุ่งนี้ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี และแม้ว่า กกต.จะมีการชี้มูลความผิดไปแล้วนั้น ก็มองว่าทุกอย่างไม่เป็นการรบกวนหรือขาดความชอบธรรม ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำวินิจฉัยออกมา นายพิธายังถือเป็นผู้มีคุณสมบัติและมีความชอบธรรม” นพ.ชลน่าน กล่าว
ส่วนที่มวลชนจะมาชุมนุมและอาจส่งผลให้ ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่มาร่วมการประชุม จะส่งผลต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยังคงเป็นการคาดการณ์ แต่เชื่อว่า ส.ว.แต่ละคนมีความรับผิดชอบ มีภาระหน้าที่ และยิ่งเป็นภาระหน้าที่ที่สำคัญต่อประเทศ และสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มวลชนแสดงออกอยู่ในกรอบของกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย