รัฐสภา 10 ก.ค.-“นพ.อำพล” ย้ำโหวตหนุน “พิธา” ยึดตามมาตรฐานปี 62 หนุนพรรครวมเสียงข้างมากได้ ไม่สนคุณสมบัติ-แก้ ม.112 เพราะไม่ใช่หน้าที่ ส.ว.
นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ย้ำหลักการเดิมที่จะโหวตให้กับพรรคการเมืองที่รวมเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งในสภาฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่ได้ดูเรื่องตัวบุคคล หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะถือเป็นเสียงของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง จึงต้องเคารพ และเป็นหลักการและเหตุผลเดียวกันกับการเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2562 แล้ววันนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะตั้งตัวเป็นใหญ่ไปตรวจสอบนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะมีการโหวต หรือทำอะไรที่ขวางเสียงของประชาชน ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เคยได้รับการประสานจากพรรคก้าวไกล และตนก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะเป็น ส.ว.สรรหา และเมื่อปี 62 ส.ว.ก็ทำการเลือกมาแล้ว ไม่เห็นมีการตรวจสอบอะไร เพราะโหวตให้พรรคที่มีเสียงข้างมากเกิน 250 คน เป็นนายกรัฐมนตรี มาตรฐานมีอยู่แล้ว เที่ยวนี้จะโหวตใครก็ต้องโหวตตามมาตรฐานเดิม
ส่วนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 จะเป็นปัจจัยที่จะโหวตหรือไม่นั้น นพ.อำพล กล่าวว่า หลักการเดิมบวกตามเสียงประชาชน ส่วนเรื่องอื่นไม่ได้นำมาพิจารณา เพราะเป็นการเลือกเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคการเมืองจะเสนอกฎหมายอะไร เป็นขั้นตอนของฝ่ายนิติบัญญัติในอนาคต และมีหลายพรรคการเมืองต้องการเสนอกฎหมาย ควรมองทั้งหมด ไม่ใช่แค่พรรคเดียว และหากเสนอกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถทำได้ แต่หากถูกต้องตามรัฐธรรมนูญก็ต้องเข้ากระบวนการรับหลักการผ่านความเห็นของเสียงข้างมาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้น หากไปผูกโยงว่าไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรี คิดว่าเป็นการทำเกินหน้าที่ เพราะหน้าที่ขณะนี้คือการเคารพเสียงประชาชน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เลือก เพราะประชาชนเสียงส่วนใหญ่เลือกเข้ามา ก็ต้องเคารพเสียง ไม่เช่นนั้นจะเลือกตั้งทำไม ถ้าเอาเหตุผลอื่นมาลบล้างเสียงข้างมาก ก็จะไม่เป็นประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง
ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่า คนที่เคยปิดสวิตช์ ส.ว. มาวันนี้กลับเปลี่ยนจุดยืนทำหน้าที่จะโหวต นพ.อำพล กล่าวว่า แม้จะเป็นหนึ่งใน ส.ว.ที่ลงมติปิดสวิตช์ไม่ให้ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นประชาธิปไตย เห็นว่าถ้าเป็นประชาธิปไตยแท้ ๆ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ควรปล่อยให้ ส.ส. 500 คน เป็นคนตัดสินใจ ตนจึงโหวตเห็นด้วยทุกครั้งที่มีการเสนอให้ปิดสวิตช์ และเพื่อน ส.ว.เกือบ 30 คนก็เห็นด้วย แต่ที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ไขมาตรานี้ได้ ดังนั้น ในวันนี้มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ จากนี้ไปต้องทำหน้าที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
สำหรับกรณีที่กรรมการการเลือกตั้ง (กตต.) จะสรุปเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติของนายพิธา กรณีถือครองหุ้นไอทีวี ก่อนที่จะลงมติว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นพ.อำพล กล่าวว่า จะพิจารณาอะไรเป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ส่วนตัวย้ำยังคงยึดหลักการเสียงของประชาชน ส่วนเรื่องอื่นไม่ใช่เหตุผลที่จะพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย