ขอนแก่น 1 พ.ย.-ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น สั่งทุกอำเภอสำรวจชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยรายงานผลภายใน 5 วัน ก่อนเร่งคลอดมาตรการออกมาช่วยเหลือ ขณะที่ชาวนาหลายครัวเรือนไม่สามารถรอได้ เพราะมีหนี้สินที่ต้องชดใช้
ชาวนาขอนแก่นหลายครอบครัว ไม่อาจชะลอการจำหน่ายข้าวเปลือกหอมมะลิ กข 15 ตามคำแนะนำของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ แม้จะได้ราคาเพียงกิโลกรัมละ 5-6 บาท ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในจำนวนนี้ คือ บัวพันธ์ ทัพซ้าย ชาวนาบ้านสงเปือย อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตัดใจขายข้าวในราคาแสนต่ำ เพราะต้องนำเงินไปจ่ายค่าเกี่ยวข้าวและค่าปุ๋ย ท้อใจจนอยากเลิกทำนา ซึ่งยึดเป็นอาชีพมาตั้งแต่วัยสาว โดยราคาที่ชาวนารับได้ อยู่ที่อย่างต่ำกิโลกรัมละ 10 บาท ข้าวเปลือกล็อตแรกที่ขายไป 2 ไร่ จึงลดลงจากเดิมเท่าตัว
เช่นเดียวกับสมวัจน์ ปุ้งมา ชาวนาบ้านเดียวกัน ยอมขนข้าวเปลือกกว่า 2 ตัน กลับมาขายให้กลุ่มผู้เลี้ยงเป็ดกิโลกรัมละ 6.50 บาท หลังโรงสีให้ราคาเพียง 6 บาท ที่ความชื้นราวร้อยละ 25 แปลงที่กำลังเกี่ยวอยู่นี้ ก็มีกลุ่มผู้เลี้ยงเป็ดจองไว้เช่นกัน เพราะราคาถูกกว่ารำข้าว นี่เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ไม่สามารถชะลอการขายข้าว เพื่อรอจังหวะเวลาได้ เพราะมีหนี้สินจากการลงทุนปลูกข้าว และค่าใช้จ่ายส่วนอื่นเร่งรัด
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น สั่งให้ทุกอำเภอสำรวจชาวนาที่ได้รับผลกระทบ รายงานผลภายใน 5 วัน เพื่อคลอดมาตรการออกมาช่วยเหลือ เบื้องต้นจะใช้เครือข่ายสภาเกษตรกร ผลักดันให้ข้าวราคาสูงขึ้นในระดับท้องถิ่น ส่งเสริมให้ชาวนารวมกลุ่มเปิดตลาดนัดข้าว และจังหวัดจะอุดหนุนชาวนา นำมาจำหน่ายในงานประจำปี
นักวิชาการเกษตร ศูนย์วิจัยข้าวขอนแก่น วิเคราะห์ว่า ข้าวเปลือกคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับ และออกสู่ตลาดเพียงปีละครั้งอย่างข้าวหอมมะลิ แต่ราคาตกต่ำสวนทางข้าวสาร จึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีปัจจัยแทรกซ้อนมากกว่าปัญหาการส่งออกข้าวหรือไม่.-สำนักข่าวไทย