กรุงเทพฯ 6 ก.ค. – อธิบดีกรมชลประทานสั่งการสำนักงานชลประทานที่ 6 เร่งคลี่คลายสถานการณ์ลำน้ำยังล้นตลิ่ง จากฝนที่ตกหนักบริเวณลุ่มน้ำยังตอนบน ล่าสุดส่งผลกระทบ 2 อำเภอ ย้ำจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอดแนวพนังกันน้ำลำน้ำยัง 24 ชั่วโมง เร่งจัดจราจรน้ำในแม่น้ำชี-ยัง ให้สอดคล้องกับปริมาณฝนที่อาจตกลงมาเพิ่มอีกตามแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องบริเวณลุ่มน้ำยังตอนบน ซึ่งอยู่ในเขต จ.กาฬสินธุ์ ระหว่างวันที่ 2-4 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยวัดปริมาณน้ำฝนได้มากสุดที่ อ.เขาวง 155.0 มม. อ.ห้วยผึ้ง 135.4 มม. อ.กุฉินารายณ์ 75.5 มม. ส่วนลุ่มน้ำยังตอนล่างในเขต จ.ร้อยเอ็ด วัดปริมาณน้ำฝนได้มากสุดได้ที่ อ. หนองพอก 114.0 มม. และ อ.เสลภูมิ 40.0 มม. จึงเป็นเหตุให้ระดับน้ำในลำน้ำยัง เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ล่าสุดเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบางพื้นที่ใน 2 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่นอกเขตพนังกั้นน้ำประมาณ 140 ไร่ ประกอบด้วย บ.หนองนุ่ง ต.โคกกกม่วง อ.โพนทอง จ. ร้อยเอ็ด 30 ไร่ บ.หนองผักตบ ต. เหล่าน้อย อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด 80 ไร่ และ บ.นาทม ต.ภูเงิน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด 30 ไร่
ขณะนี้ระดับน้ำในลำน้ำยังตอนบนเริ่มทรงตัว แต่ระดับน้ำในลำน้ำยังในเขต อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากพนังกั้นน้ำต่ำ จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ล่าสุดได้สั่งการให้จัดเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมเครื่องมือและบุคลากรเฝ้าระวังตลอดแนวผนังกั้นน้ำยัง 24 ชั่วโมง โครงการชลประทานร้อยเอ็ดจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำ 25 เครื่อง กระสอบบรรจุทราย 10,000 กระสอบ กล่อง Mattress ขนาด 2x4x0.3 ม. หินใหญ่ เสาเข็มพืด (Sheet pile) เครื่องจักรเครื่องมือต่างๆ ตามแผนที่กำหนดไว้
นายประพิศ กล่าวว่า สำนักงานชลประทานที่ 6 ได้การบริหารจัดการน้ำด้วยการจัดจราจรน้ำแม่น้ำชี-ยัง ตามแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก โดยระบายน้ำในเขื่อนยโสธรในอัตรา 362.53 ลบ.ม./วินาที และเขื่อนธาตุน้อย ระบายในอัตรา 214.03 ลบ.ม./วินาที เพื่อพร่องน้ำไว้รองรับปริมาณน้ำจากน้ำยังตอนบนที่จะไหลมาสมทบและสอดคล้องกับปริมาณฝนที่อาจตกลงมาเพิ่ม หากไม่มีฝนตกลงมาอีก คาดว่าน้ำจะไหลลงแม่น้ำชีและบางส่วนจะถูกผันเข้าไปเก็บกักไว้ตามแก้มลิงและแหล่งน้ำธรรมชาติ
ทั้งนี้ โครงการชลประทานจังหวัดในลุ่มน้ำยัง ชี และมูล ได้รายงานสถานการณ์น้ำต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้เตรียมรับสถานการณ์น้ำอย่างทั่วถึง โดยต้องพร้อมบูรณาการช่วยเหลือประชาชนทันทีหากเกิดสถานการณ์
หากประชาชนหรือหน่วยงานต้องการความช่วยเหลือ สามารถประสานไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460 .-สำนักข่าวไทย