“รพี” เตรียมคลิปเด็ด หักล้างข้อหาหมิ่นประมาท

กทม. 1 มิ.ย.- “รพี” เตรียมคลิปเด็ด 12 คลิป ขึ้นไต่สวนต่อศาล หักล้างข้อหาหมิ่นประมาท กรณีถูก “แอม ไซยาไนด์” ฟ้อง หลังออกทีวีพาดพิง พร้อมขู่ฟ้องกลับทันที หากศาลชี้ ไม่เป็นความผิด


นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเครือข่ายคดี “แอม ไซยาไนด์” พร้อมด้วยทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดา เพื่อไต่สวนมูลฟ้อง คดีที่ “แอม ไซยาไนด์” หรือนางสรารัตน์ ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณี นายรพี ออกรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง กล่าวพาดพิงถึง “แอม” ในคดีการเสียชีวิตของนางสาวก้อย หนึ่งในเหยื่อที่ถูกวางยาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 จากนั้นวันที่ 21 เมษายน ถูกฟ้องเป็นคดี

นายรพี ยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นคลิปที่ตนสนทนากับ “แอม” จำนวน 12 คลิป รายงานของตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ทำถึงศาลระบุว่า “แอม หลอกตำรวจ หัวปั่น” รายงานความคืบหน้าคดีของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม และประจำวัน ทั้ง 15 คดีที่ “แอม” ตกเป็นผู้ต้องหาวางยาพิษ ซึ่งในการไต่สวนวันนี้ ตนจะหักล้างข้อกล่าวหาคู่กรณี โดยชี้ให้ศาลเห็นว่าสิ่งที่พูดออกในรายการโทรทัศน์ เป็นเรื่องจริง โดยมีคลิปและเอกสารอื่นๆ เป็นหลักฐาน ยืนยันความบริสุทธิ์


ทั้งนี้ นายรพี ยืนยันว่าหากในที่สุดศาลมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้เห็นว่าตนไม่ผิด ก็จะฟ้องกลับ “แอม” ในข้อหาฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จ ทั้งสองข้อหามีอัตราโทษจำคุกรวมกัน 12 ปี ย้ำว่าสิ่งที่ตนออกมาพูดต่อสังคมในคดีการเสียชีวิตของก้อย ทำให้ญาติของผู้เสียชีวิต รายอื่นๆ กล้าออกมาพูดความจริง จนทำให้ “แอม” ถูกออกหมายจับ ตกเป็นผู้ต้องหาถึง 15 คดี

ด้านทนายเดชา มั่นใจการฟ้องหมิ่นประมาท นายรพี เป็นการฟ้องแก้เกี้ยว มั่นใจในพยานหลักฐานที่จะทำให้นายรพี ชนะคดี ทั้งนี้ ทนายเดชา ยังระบุว่า คดี “แอม ไซยาไนด์” เป็นกรณีแรกที่ทนายความผู้ต้องหา ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเสียเอง พร้อมยืนยัน ไม่เคยคิดจะรับว่าความให้ “แอม” มองว่าเอาเวลาไปเลี้ยงควายจะดีกว่า

มีรายงานว่า การไต่สวนของศาลวันนี้ฝ่ายโจกท์ คือ “แอม ไซยาไนด์” ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยมอบหมายให้ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ขึ้นไต่สวนต่อศาล แทน ต้องจับตาว่า หลังการไต่สวน ศาลจะมีความ คำสั่งอย่างไร


สำหรับการไต่สวนวันนี้ ศาลนัดในเวลา 16.30 น. โดยเป็นการเปิดทำการของศาลนอกเวลาราชการ ตามโครงการขยายเร่งรัดการพิจารณาคดี (Night Court) หลังเวลาราชการ และวันหยุดราชการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และแก้ไขปัญหาการพิจารณาคดีล่าช้า

ล่าสุด มีรายงานว่า การไต่สวนมูลฟ้องคดีฯ ในวันนี้ ยังไม่เสร็จ เนื่องจากโจทก์ ต้องการเดินทางมาศาลเพื่อไต่สวนด้วยตัวเอง แต่การไต่สวนวันนี้เป็นการไต่สวนนอกเวลาราชการ โจทก์จึงไม่สามารถเดินทางมาได้ และโจทก์มีความประสงค์ให้ไต่สวนพยานเพิ่มอีก 1 ปาก คือ มารดา ของโจทก์ ศาลได้สอบถาม ฝ่ายทนสยจำเลยไม่คัดค้าน ศาลจึงนัดแต่ส่วนอีกครั้งวันที่ 24 กรกฎาคม เวลา 13.30 น. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง