นนทบุรี 1 มิ.ย.-สกพอ.จับมือ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน ยกระดับการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่อีอีซี สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง(เอ็มโอยู) ว่าด้วยการยกระดับการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.)กับ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน
โดยนายสาธิต กล่าวว่า พื้นที่อีอีซี เป็นเป้าหมายหลักในการพัฒนาประเทศ หากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเกิดกับพนักงานที่ทำงานในอีอีซี หรือ นักลงทุน รวมทั้งนักท่องเที่ยว ถ้าเรามีระบบการขนส่งการแพทย์ฉุกเฉินทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ จะช่วยรักษาผู้เจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุได้อย่างรวดเร็ว เป็นการลดการสูญเสียได้ทางหนึ่ง เช่น การนำเฮลิคอปเตอร์ไปรับผู้ประสบอุบัติเหตุในทางหลวงมอเตอร์เวย์ สาย 7 เส้นทางกรุงเทพ-มาบตาพุด เป็นต้น นอกจากนี้ในอนาคตหากโรงพยาบาลประจำจังหวัดในภาคตะวันออกมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ที่ใช้ลำเลียงผู้บาดเจ็บ ก็จะทำให้มีการรักษาได้อย่างทันท่วงที
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ จะสร้างกลไกบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่อีอีซีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในพื้นที่อีอีซีได้ นอกจากนี้ยังสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในภาคตะวันออกได้อีกทางหนึ่งด้วย
ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่อีอีซีให้มีมาตรฐาน สามารถเข้าถึงบริการที่มีศักยภาพ โดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน จะสนับสนุนภาคีเครือข่ายให้สถานพยาบาลรองรับการให้บริการที่รวดเร็ว ทั้งระบบปฏิบัติการฉุกเฉิน ระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลา ปลอดภัยทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ.-สำนักข่าวไทย