กรุงเทพฯ 30 เม.ย. – “มาดามเดียร์” เดินตลาดเช้าวัดไทร ช่วยหาเสียงหนุน “วณิชชา ม่วงศิริ” ขอโอกาสให้ “ประชาธิปัตย์” อีกครั้ง ด้วยการเลือกคนทำงานจริง ไม่ทิ้งพื้นที่
เมื่อวันที่ 30 เม.ย.66 เวลา 07.00 น. ที่ตลาดวัดไทร เขตจอมทอง กทม. น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ บัตรสีเขียว เบอร์ 26 เดินทักทายประชาชน พ่อค้าแม่ค้าในตลาดวัดไทร เพื่อช่วยหาเสียงสนับสนุนให้กับ น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-บางบอน บัตรสีม่วง หมายเลข 9 พร้อมกันนี้ น.ส.วทันยา และ น.ส.วณิชชา ยังได้รับฟังเสียงสะท้อนปัญหาและความเดือดร้อนจากพี่น้องประชาชนที่เดินเข้ามาสะท้อนให้รับฟังตลอดเส้นทางที่เดินหาเสียง
จากนั้น น.ส.วทันยา และ น.ส.วณิชชา ได้เดินทางต่อไปยังชุมชนบางบอนวิลล่า เขตบางบอน เพื่อพบปะกับประชาชน โดย น.ส.วทันยา กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง เป็นวันที่เราจะได้เลือกอนาคตของตัวเอง เลือกอนาคตประเทศ ทั้งนี้ เรื่องของการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด หลายคนอาจจะสงสัยว่า เลือกตั้งไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือ ซึ่งการเลือก ส.ส. ที่จะไปเป็นตัวแทนของเรานั้น เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด เพราะหน้าที่หนึ่งของ ส.ส. คือ การไปเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนในสภาฯ นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ดังนั้น หากเรามี ส.ส.ที่ใส่ใจ ตั้งใจทำงาน ปัญหาของเราก็จะได้รับการแก้ไข อย่างวันนี้เราเจอฝุ่น PM 2.5 ที่อันตรายเหมือนการตายผ่อนส่ง และที่ผ่านมาสภาฯ ได้มีการเสนอกฎหมายอากาศสะอาดเข้าไป แต่กลับไม่สามารถเข้าสู่วาระการประชุมได้ เพราะนักการเมืองที่คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เล่นเกมการเมือง อย่างที่เราเห็นข่าวในช่วงท้ายของอายุสภาฯ เกิดเหตุการณ์สภาล่มอยู่บ่อยครั้ง ทำให้กฎหมายอากาศสะอาดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ
น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ เราจะเลือกใครเป็นเรื่องที่ต้องคิดอย่างรอบคอบ ไม่ใช่ว่าจะไปเลือกใครก็ได้ตามกระแส เพราะ ส.ส.บางคนที่เราได้เลือกเขาไป ส.ส.ที่เขาได้เสียงเราไปแล้ว เขากลับมาเหลียวแลเราบ้างหรือไม่ เราจะเลือกคนที่ทำงาน หรือจะเลือกคนที่อยู่ในกระแส อยู่ในโซเชียล อยู่ในทีวี ซึ่งเขาก็อยู่แต่ข้างบนจริงๆ ไม่ลงมาดูแลเราเลย โดยเฉพาะในวันที่เราลำบาก แต่ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่า ครอบครัวม่วงศิริ คือหนึ่งในคำตอบที่พิสูจน์แล้วว่า แม้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าครอบครัวม่วงศิริไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งคนบางบอน นี่คือสิ่งสำคัญที่พิสูจน์ถึงความตั้งใจ แต่ความตั้งใจอย่างเดียวไม่พอ เพราะต้องมีความสม่ำเสมอ เนื่องจากการเมืองเป็นเรื่องของการทำงานระยะยาว เพื่อให้เกิดการผลักดันอย่างต่อเนื่อง วันนี้ตนจึงขอให้โอกาสกับพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง แม้ว่าที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มี ส.ส.ในเขต กทม. แต่มั่นใจว่าคน กทม. คือ ลมหายใจของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน และยังเป็นพรรคที่เข้าใจคน กทม. มากที่สุด
ขณะที่ น.ส.วณิชชา กล่าวว่า ตนเป็นคนธรรมดาเหมือนทุกคนทั่วไป เรียนจบ ทำงาน แต่งงานมีครอบครัว ซึ่งวันนี้ที่ตนก้าวออกมาตรงนี้ เพราะตนพร้อมแล้วที่จะมาช่วยเหลือสังคม ครอบครัวของตนมีทั้งเด็กและผู้สูงอายุ และที่ผ่านมาเวลาที่ตนลงพื้นที่ได้พบกับผู้สูงอายุจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้สังคมไทยเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ตนอยากให้ผู้สูงอายุได้รับสวัสดิการที่ดี ได้มีบั้นปลายชีวิตที่ดี มีศักดิ์ศรี ไม่เป็นภาระลูกหลาน รวมถึงเรายังต้องดูแลเด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติให้เขาได้เติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติในวันข้างหน้า ดังนั้น ตนจึงอยากให้ทุกคนให้โอกาส เพราะตนมีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่น และจริงใจ ที่จะมาดูแลพื้นที่บางบอน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้โอกาสคนรุ่นใหม่แบบตนแล้ว แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่ขาด คือ ขาดโอกาส วันนี้จึงต้องขอโอกาสจากทุกคน ขอให้ทุกคนมอบโอกาสให้ตนและพรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาดูแล แล้วเราจะได้มาร่วมกันสร้างบ้านเราให้ดีขึ้น. – สำนักข่าวไทย