มธ. ท่าพระจันทร์ 21 มี.ค.-ตัวแทนพรรคการเมืองโชว์นโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง 66 “ เผ่าภูมิ” มั่นใจนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ”ศิรกัญญา” ชู 3แนวคิด การเมืองดี-ปากท้องดี-มีอนาคต ขณะที่ “อรรถวิทย์” เน้นการแข่งขันตลาดเสรี ลดการผูกขาด สร้างรายได้เพิ่ม
คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานสัมมนา”ถก-แถลง: นโยบายพรรคการเมืองในสนามเลือกตั้ง 66″ โดยมีนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายอรรถวิชซ์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคพรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมวงเสนา โดยนายเผ่าภูมิ กล่าวว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยสะท้อนความเป็นทุนนิยม แต่เป็นทุนนิยมที่เท่าเทียม เรายืนอยู่ฝั่งเดียวกับการแข่งขันเสรี และยืนอยู่ตรงข้ามกับการผูกขาด เรายืนอยู่ฝั่งเดียวกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตที่เท่าเทียมและทั่วถึง
“พรรคเพื่อไทยมุ่งสร้างรายได้ให้กับประชาชน และมูกเป็นนักการตลาดระหว่างประเทศในการหาประเทศเพื่อสร้างตลาดหารายได้ให้กับประชาชน อีกทั้งพรรคเพื่อไทยเชื่อปรัชญาการลดน้ำที่รากในการออกแบบนโยบายเศรษฐกิจ คือการสร้างนโยบายจากฐานที่สุด ในกลุ่มประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยยังไม่มองไปถึงกลุ่มทุน ขณะเดียวกันก็เห็นด้วยในนโยบายระยะสั้นช่วงที่ประชาชนยังไม่สามารถยืนด้วยตัวเองได้ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้สวัสดิการในระยะยาว เหล่านี้เป็นทิศทางที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการออกนโยบาย” นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายเผ่าภูมิ กล่าวถึงนโยบายค่าแรง 600 บาท คือเป้าหมายปี2570 หมายถึงทุกปีจะมีการปรับขึ้นค่าแรง แต่จะดูจาก4 ปัจจัย คือ 1.เงินเฟ้อ ผลิตภาพแรงงาน GDP และความคาดหวังของจีดีพีในอนาคต โดยการขึ้นค่าแรงจะดูตามสภาวะเศรษฐกิจไม่ให้กระทบกับนายจ้าง เป็นการปรับขึ้นค่าแรงเมื่อนายจ้างพร้อม อีกทั้งการขึ้นค่าแรงจะต้องมาพร้อมกับการเพิ่มทักษะรายงาน และมีการจับคู่แรงงานกับนายจ้างที่ยังหากันไม่เจอ ส่วนหนึ่งได้จากนโยบายหนึ่งครอบครัวหนึ่งซอฟพาวเวอร์
“มีคำถามว่าการขึ้นค่าแรงจะกระทบกับค่าครองชีพหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่ เพราะการกระทบจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อค่าแรงอยู่สูงกว่าค่าครองชีพ ยิ่งเพิ่มค่าแรงค่าของชีพก็จะยิ่งสูง แต่ในกรณีของประเทศไทยไม่ใช่เพราะค่าครองชีพอยู่เหนือกว่าค่าแรงขั้นต่ำค่อนข้างเยอะ ทำให้การขึ้นค่าแรงไม่ส่งผลกระทบกับค่าครองชีพ” นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายเผ่าภูมิ กล่าวถึง เงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี ซึ่งจะปรับขึ้นจากภาครัฐเพราะไม่สามารถทำให้ภาคเอกชนทั้งหมดได้ และการปรับเงินเดือนข้าราชการของภาครัฐก็จะส่งผลไปยังภาคเอกชนทันที ทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดแรงงานและทำให้ค่าจ้างในภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้นตามมาด้วย โดยตั้งเป้าว่าเงินเดือนปริญญาตรีภายในปี 2570 ต้องไม่ต่ำกว่า 25,000 บาทต่อเดือน ซึ่งในภาครัฐจะค่อย ๆ ปรับขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้กระทบกับสถานการณ์เงินการคลังของประเทศด้วย
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีเป้าหมายสามเรื่อง คือ 1.การเมืองดี คือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง ปฏิรูปกองทัพ ไม่ให้เค้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การกระจายอำนาจไปสู่ประชาชน และการต่อต้านคอรัปชั่น 2.ปากท้องดี คือ ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทุกปีปีแรกขึ้นทันที 450 บาทหลังจากนั้นจะดูตามสภาวะเศรษฐกิจประกอบกัน สร้างแต้มต่อให้กับเอสเอ็มอี ปลดล็อคเรื่องที่ดินทับซ้อนมีกองทุนให้กับประชาชนสร้างทางเลือกให้กับประชาชน รวมถึงการปลดหนี้ให้กับเกษตรกร ด้วยกันเอาที่ดินมาใช้ประโยชน์เช่นปลูกไม้ยืนต้นสร้างรายได้ และต้องมีสสวัสดิการที่ดีตั้งแต่เกิดจนแก่ และ 3. การมีอนาคต ทำให้การศึกษาไทยก้าวหน้า สิ่งแวดล้อมลดสภาวะโลกร้อนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จัดทำโครงการคาร์บอนเครดิต และการสร้างกำลังแรงงาน กับอุตสาหกรรมใหม่
ขณะที่นายอรรถวิทย์ กล่าวว่า ชาติพัฒนากล้าถือเป็นพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งจะสร้างภาพในแนวเสรีนิยมประชาธิปไตย เน้นเรื่องการแข่งขันตลาดเสรีมุ่ง ลดการผูกขาด เพิ่มรายได้ลดรายจ่าย ทำให้เกิดการแข่งขันที่เสมอภาค พร้อมยกตัวอย่าง เช่น การแจกถังต้องมีขนาดที่ไม่เท่ากันไม่เช่นนั้นคนตัวเตี้ยจะเสียเปรียบทุกที พรรคมีนโยบายยกเลิกแบล็คลิสต์ เพราะช่วงสถานการณ์ โควิด-19 ที่ผ่านมา มีคนติดอยู่ในระบบแบล็คลิสต์ 5.5ล้านคน เพราะหากติดแบล็คลิสต์จากการผิดนัดชำระจะมีข้อมูลในระบบติดอยู่ 3 ปี ซึ่งวิธีการของพรรคชาติพัฒนากล้า จะใช้ระบบสกอร์ลิ่ง นำปัจจัยที่เกี่ยวโยงกันมาประกอบ เช่นมีการจ่ายค่าน้ำค่าไฟตรงตามงวดหรือไม่ รายได้เป็นอย่างไร ทำให้เหมือนระบบเกณฑ์มิเตอร์วัด เข้ามาหักลบกัน ถือเป็นการใช้โอกาสให้กับประชาชน
นายอรรถวิทย์ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีนโยบายเงินเดือนต่ำกว่า 40,000 บาทไม่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดา เพราะตามธรรมชาติคนเงินเดือน 40,000 บาทมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเต็มเพดานต่างจากคนที่มีรายได้หลักแสนบาทต่อเดือนจะมีการคิดคำนวณเรื่องการออม ค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ ส่วนเรื่องพลังงานจะเปลี่ยนโครงสร้างลดค่าการกลั่น เพื่อให้เห็นราคาที่แท้จริง เช่นเดียวกับค่า ft
“หากถามว่าพรรคชาติพัฒนากล้า มีนโยบายใดในการอุดหนุนประชาชน คำตอบคือพรรคชาติพัฒนากล้าไม่มีนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 3000 บาท แต่จะให้เป็นครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุและผู้พิการ 50,000 บาทเพื่อนำไปปรับปรุงห้องน้ำสภาพแวดล้อมให้ดี อีกทั้งยังเกิดการจ้างงานด้วย ทุกนโยบายที่แจกจะต้องทำให้เกิดการแข่งขันเพราะหากเกิดการแข่งขันมีการลงทุนและกระจายออกไปก็จะพัฒนาประเทศได้ดีขึ้น นำไปสู่การพัฒนาอย่างถาวร จะไม่ยอมขึ้นค่าแรงแล้วจำนนกับอัตราเงินเฟ้อ ปัญหาของแพง แต่จะต้องทุบมันก่อน มีการรื้อระบบ ถึงจะทำงานสร้างโอกาสให้ประชาชน” นายอรรถวิทย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย