พปชร. 15 มี.ค. – “บิ๊กป้อม” ต้อนรับ “ธีระชัย-ม.ล.กรกสิวัฒน์” หนุนทีมเศรษฐกิจ พปชร. เชื่อทำงานร่วม “มิ่งขวัญ” รับรองดีแน่นอน ปัดตอบดีลจับขั้วการเมือง หลังมีภาพกินข้าว “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงเปิดตัว ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อมาร่วมเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ
พล.อ.ประวิตร กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีที่จะทำงานร่วมกันในพรรคพลังประชารัฐ และนำประโยชน์ให้กับประชาชนเป็นสำคัญ พร้อมขอบคุณทั้งสองคนที่ตกลงใจมาอยู่กับพรรค ซึ่งพรรคยินดีที่จะต้อนรับทั้งสองท่านด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
นายธีระชัย กล่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจตอบรับเพราะเห็นว่าบ้านเมืองกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ในอีกสามถึงสี่ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งปัญหามาจากภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ซึ่งจะเป็นคลื่นลูกใหญ่กับประเทศไทยทางด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เริ่มแสดงอาการ ทั้งตลาดเงินในสหรัฐและยุโรป
“การบริหารประเทศต้องมีนโยบายที่เน้นทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในตัวเอง ใช้ศาสตร์ของพระราชาอย่างแท้จริง ไม่ใช่การที่จะรอให้มีนายกรัฐมนตรีที่เด่นดังเสมือนว่าคนเดียวจะสามารถคิดวิธีแก้ปัญหาให้กับทุกชุมชนได้ จึงถึงเวลาที่รัฐบาลจะเปลี่ยนวิธีบริหารไปกระตุ้นให้ประชาชน เพิ่มช่องทางให้กับตัวเองรับผิดชอบ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศดีขึ้น” นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย กล่าวอีกว่า การบริหารประเทศไม่ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของผู้บริโภคกับนายทุนเอกชนต้องแก้ไข เพราะประชาชนถูกเอาเปรียบ ขณะเดียวกันยังจะต้องเพิ่มนโยบายที่ขจัดความขัดแย้ง เปิดรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมมองว่าการจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้พรรคการเมืองจะต้องเปิดกว้างให้นักวิชาชีพมืออาชีพเข้ามาร่วมงานพรรคการเมือง ต้องมีการบริหารโดยให้เกิดความสมดุลแก่ประโยชน์ของประชาชนมากขึ้น พรรคการเมืองต้องสามารถบริหารความขัดแย้งในสังคมได้ และมองว่านโยบายเศรษฐกิจมีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน คือ สาขาพลังงาน และผู้ที่ยกร่างนโยบายพลังงานที่ครอบคลุมในทุกแง่มุมคือ นายสนธิรัตน์ รมว.พลังงาน ที่ได้เป็นคนเชิญตนเองและ ม.ล.กสิวัฒน์ มาร่วมงาน และมองว่าการทำงานจะต้องก้าวข้ามตัวบุคคล ก้าวพ้นสีเสื้อ ก้าวเพื่อประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ชูธงนำในการก้าวข้ามความขัดแย้ง จึงตัดสินใจเข้ามาในพรรค เพื่อจะเสนอนโยบายที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ทำได้จริง สร้างสมดุลกับประชาชน นายทุน ที่ปราศจากผลประโยชน์ครอบครัวของเจ้าของ และเป็นนโยบายที่มองกว้างไกลเพื่อให้เป็นทางเลือกแก่ประชาชน
ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า เหตุผลที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะมีความสนใจติดตามเรื่องปัญหาพลังงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับภาคประชาชนเคลื่อนไหวให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดการพลังงานไทยมาตั้งแต่ปี 2551 รวมกว่า 15 ปี ซึ่งไม่เคยได้ยินพรรคการเมืองใดพูดถึงประโยชน์ในเรื่องนี้ จนกระทั่งได้ยินนายสนธิรัตน์ได้กล่าวบนเวทีจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการพูดคุยกัน ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคเองได้ติดตามและเห็นความสำคัญจึงให้ตนเองได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร จึงได้รู้ว่าพรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจ ไม่ใช่แค่ลดราคาพลังงานแบบฉาบฉวย ได้มีการพูดคุยกันนาน ใจกว้างรับฟังความเห็นที่ตนเสนอ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนอย่างเต็มที่ ทำให้ตนเองเชื่อมั่นว่านโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านพลังงานจะถูกคัดกรองมาว่าจะเป็นนโยบายที่แก้ปัญหายังยืนหยุดประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง
“หาก พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านจะเป็นตำแหน่งประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เชื่อมั่นว่านโยบายของพรรคด้านพลังงานจะต้องถูกผลักดันให้สำเร็จจงได้ เชื่อมั่นว่าหากพลังประชารัฐได้เป็นนโยบายจะมีผลเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนดีขึ้น เนื่องจากพลังงานเป็นของประชาชนเพื่อประชาชนตามที่พรรคมีเจตจำนง ขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และทุกภาคส่วนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น”ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว
ด้าน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อมวลชนคงได้รับทราบว่าพรรคมีทีมเศรษฐกิจจำนวนมาก พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมือง สามารถที่จะให้มีกินมีใช้ ยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ดังนั้น ขอฝากสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ว่าพรรคมีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้จับมือ 2 ทีมเศรษฐกิจที่เข้ามาร่วมงานของพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อถามว่าเรื่องทีมนโยบายเศรษฐกิจของพรรคจะออกมาเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ขอให้ออกมาก่อนแล้วค่อยถาม เดี๋ยวพรรคจะมีทีมงานเศรษฐกิจที่จะออกมาเอง ตนคิดคนเดียวไม่ได้ ทำคนเดียวทำไม่เป็น พรรคมีทีมงานเยอะแยะที่จะทำงานเรื่องเศรษฐกิจ นโยบายของพรรคจะทยอยออกมาเรื่อยเรื่อย
ส่วนจะสามารถร่วมงานกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจอีกคนหนึ่งของพรรคได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้ไม่มีปัญหา เพราะทั้งสองท่านมีความรู้ด้วยกันทั้งคู่ เดี๋ยวจะคุยกันว่าจะทำอย่างไร รับรองว่าดีอยู่แล้ว ดีแน่นอน
เมื่อถามว่าจะมีทีมเศรษฐกิจมาเพิ่มอีกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แค่นี้ก็มากพอแล้ว
เมื่อถามว่าจะสู้กับทีมเศรษฐกิจของพรรคอื่นได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า จะไปสู้กับใคร ตนจะสู้กับความยากจนของประชาชนเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกันทุกคน ส่วนกรณีมีภาพปรากฏกินข้าวกลางวันกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย นั้น พล.อ.ประวิตร ตอบกลับว่า “กินไม่ได้เหรอ”
เมื่อถามว่าจะเป็นการจับขั้วการเมืองใหม่หรือไม่ ระหว่างพลังประชารัฐกับภูมิใจไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ตนไม่รู้ คุณคิดเองทั้งนั้น” เมื่อถามว่ามีโอกาสจะไปกินข้าวกับพรรคอื่นเพิ่มหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็เรื่องของตน ตนจะไปกินอะไร ทำไมถึงอยากรู้กันนัก”.-สำนักข่าวไทย