กรุงเทพฯ 15 มี.ค.-ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ปิดพุ่ง รีบาวด์ตามทิศทางตลาดต่างประเทศหลังจาก 2 วันที่ผ่านมาลงไปกว่า75 จุด
เมื่อเวลา 10.51 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,557.04 จุด เพิ่มขึ้น 33.15 จุด หรือ 2.18%) นายประกิต สิริวัฒนเกตุกรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ กล่าว่า ระยะสั้นตลาดหุ้นไย ฟื้นตัวตามต่างประเทศ ที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด ) จัดการปัญหา2 ธนาคารสหรัฐที่ล้มละลายได้ ประกอบกับเงินเฟ้อสหรัฐ ก.พ.ชะลอตัวตามคาด ที่ 6 % ส่งผลผลโมเมนตัมหุ้นไทย า ระยะสั้น ฟื้นตัว เป็นโอกาสของคนรอขาย ส่วนผู้ที่รอสะสมหุ้น ตลาดหุ้นไทย P/E วานนี้17เท่า ถือว่าต่ำมากเป็นช่วงน่าสะสมโดยเฉพาะ กลุ่มที่ PANIC แต่พื้นฐานดี น่าเก็บสะสม ระยะกลาง- ยาวหวังโมเมนตัม เปิดประเทศ ท่องเที่ยว, การเลือกตั้งและ การขยานตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร และหัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน กล่าวว่า หุ้นไทยรีบาวด์ตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังตลาดหุ้นสหรัฐ,ยุโรปฟื้นตัว เนื่องจากนักลงทุนน่าจะรับรู้ข่าววิกฤติธนาคารในสหรัฐล้มไปพอสมควรแล้ว อีกทั้งดัชนี SET ปรับตัวลงไปค่อนข้างมากจนถึงจุดต่ำแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งขอให้นักลงวทุนวิเคราะห์ แยกแยะ ติดตามข่าวสาร ว่าผลกระทบดังกล่าวเกิดจากอะไร กระทบไทยหรือไม่ ไม่ควรตื่นตระหนก
สำหรับ หุ้นที่ตกเกือบ 50 จุดวานนี้ (14 มี.ค.) ก็มาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การหวั่นวิตก การปิดกิจการของ 2 ธนาคารในสหรัฐ/ยุโรป แบงก์ล้ม เป็นเหตุเฉพาะเจาะจงของแบงก์นั้นๆ ไม่ใช้ครอบคลุมทุกแบงก์ของสหรัฐ และไม่เกี่ยวข้องกับธนาคารในไทย โดยปัญหาของแบงก์ที่ล้มเกิดจากคนฝากเงินเป็นกองทุนร่วมลงทุน( VC) เป็นสตาร์ทอัพ เมื่อธุรกิจมีความจำเป็นใช้เงินก็ไปถอนเงิน ในขณะที่สินทรัพย์ของธนาคารลดลง และยังมีความอ่อนไหวกับดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐ ก็ทำให้เกิดปัญหา สภาพคล่อง ในขณะที่ธนาคารของไทยมีความแตกต่าง ฐานลูกค้า การลงทุนแตกต่าง ทางธนาคารแห่งประเทศไทย กำกับดูแลและมีฐานะมั่นคง นอกจากนี้ก็จะเห็นได้ว่า FED ก็ออกมาช่วยเหลือทันการณ์และเข้มแข็ง นักลงทุนคลายความกังวล ว่ารัฐบาลสหรัฐและทั่วโลกได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่าจะสามารถควบคุมวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารได้
“แบงก์ของไทย มีลูกค้าแตกต่างจากแบงก์ของสหรัฐส่วนใหญ่เป็นเรียลเซ็กเตอร์ ทุนสำรองก็สูง ต้องมองตรรกะ คือไม่เกี่ยวข้องกัน แต่นักลงทุนรู้สึกกลัว ในขณะนี้คนก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์มากยิ่งขึ้น และจากการที่ตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนของหุ้นกลุ่มพลังงานราว 20 % ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันลดลง ก็ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มนี้และกระทบต่อ SET “ดร.ศรพล กล่าว –สำนักข่าวไทย