กระทรวงการต่างประเทศ 2 มี.ค.- กระทรวงต่างประเทศ ร่วมมือกับหลายหน่วยงานรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ยัน ออกวีซ่าเข้าประเทศรัดกุม
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้มีพิธีเปิดสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ ปทุมวัน ณ ศูนย์การค้า MBK ซึ่งเป็นการทำงานแบบ one stop service ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชน และยกระดับการบริการให้ประชาชนได้รับความสะดวกและเข้าถึงภาครัฐ มีการพัฒนาระบบนิติกรณ์แบบใหม่ ซึ่งประชาชนสามารถยื่นขอรับบริการนิติกรณ์เอกสาร โดยไม่ต้องกรอกคำร้องในแบบฟอร์มกระดาษ โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจลงนามแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถตรวจสอบความถูกต้องของนิติกรณ์เอกสารโดยหน่วยงานปลายทางได้เองด้วย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ขยายงานสัญชาติและนิติกรณ์ไปยังส่วนภูมิภาคและจังหวัดต่างๆ เพิ่มเติม ได้แก่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ จ.อุบลราชธานี จ.สงขลา และ จ.ภูเก็ต
นางกาญจนา ยังกล่าวถึงแผนงานกรมการกงสุลประจำปี 2566 ว่า ยังเน้นนำเทคโนโลยีมาพัฒนางานมากขึ้น อย่าง E-passport ที่ขณะนี้นำมาใช้เป็นระยะที่สามแล้ว เพื่อต่อเนื่องไปสู่ระยะที่สี่ที่จะเป็น Digital passport ซึ่งจะเชื่อมโยงกับ Digital ID ของกระทรวงมหาดไทย ขณะที่การขับเคลื่อนระบบ e-Visa ใช้อยู่แล้วกับสถานทูตและสถานกงสุล 38 แห่งใน 23 ประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้เกิดการเก็บข้อมูลในระบบคลาวน์ และปรับปรุงระบบการค้นหาได้ดีมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรมการกงสุลร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและการท่าอากาศยาน เพื่อเตรียมการรับมือนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยมีความรัดกุมในการออกวีซ่าเพื่อเข้าประเทศ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย โดยการขอวีซ่าจากสถานทูตและสถานกงสุลมีเพียงร้อยละ 15 ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีนร้อยละ 85 ขอวีซ่า on arrival คือมาขอวีซ่าเมื่อเดินทางมาถึงและมีการสามารถขอขยายเวลาการพำนักในประเทศไทยได้จากทาง ตม.ด้วย ซึ่งในส่วนของสถานทูตและสถานกงสุล มีความรัดกุมมากในระบบ e-Visa โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ขณะเดียวกันก็พยายามอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย