รัฐสภา 16 ก.พ. – นายกฯ ร่ายยาว ย้ำไม่ปล่อยทุจริต ลงโทษทุกคน แต่ขออย่าอยู่เบื้องหลังยุแยงให้ขัดแย้ง ยันจำเป็นต้องจัดหายุทโธปกรณ์ใหม่ บอกทหารอยู่กับความเสี่ยงทุกวัน เหตุยุทโธปกรณ์มีอายุมากกว่า 40 ปี ท้าฝ่ายค้านลองนั่ง C-130 พร้อมขอบคุณข้อมูลฝ่ายค้านนำไปปรับปรุง แนะรัฐบาลหน้าทำให้ดีกว่าก็แล้วกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เรื่องการแก้ปัญหาด้านที่ดิน ว่า รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเป็นไปตามกฎหมายที่ได้กำหนดไว้ ตนคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก แต่ทำอย่างไรให้ถูกต้อง ให้ทุกคนได้มีที่อยู่ที่อาศัยที่ทำกิน และสามารถที่จะส่งต่อไปให้ทายาทได้ แต่ถ้าหากเป็นโฉนดไปทั้งหมดก็จะหมดไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้มีที่ดินเพียงพอให้กับใครทั้งสิ้น ในอดีตก็เร่งรัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีการเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับภาครัฐ ซึ่งเราต้องมีนโยบายการบริหารที่ดินอย่างบูรณาการ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องของนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรที่ดินของประเทศ ปี 2566 จนถึงปี 2580 จัดทำแนวเขตที่ดินของรัฐให้มีความชัดเจนเพิ่ม และรักษาพื้นที่ป่าธรรมชาติและป่าเศรษฐกิจไปด้วย รวมทั้งนำที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กระจายการถือครองที่ดินของประเทศให้มีการกระจายตัวมากขึ้น โดยเป้าหมาย 5 ปีนั้น คือการปรับปรุงแผนที่แนวเขตของรัฐ ซึ่งทำเสร็จแล้ว ส่วนเป้าหมายระยะ 10 ปี คือการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ และเป้าหมายระยะ 15 ปี คือเพิ่มพื้นที่ป่า โดยยอมรับว่า มีปัญหาอยู่พอสมควร หลายคนอยู่มาก่อน หลายคนอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน วันนี้ก็ต้องเคลียร์ตรงนี้ให้ได้ เราก็ต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการทำงาน
“ผมรักประชาชนอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมีกฎหมายกฎกติกากันบ้าง ทั้งนี้ มีการอนุมัติหลักการจัดที่ดินทำกินให้กับชุมชนไปแล้ว โดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ เพราะเกรงว่าให้ไปแล้ว ที่ดินมีจำกัด หลายคนอาจจะเดือดร้อน เอาไปขาย เอาไปจำนองอีก ก็ไม่มีที่อยู่เช่นกัน วันนี้ทำประโยชน์ให้มีที่อยู่อาศัยได้ และส่งต่อให้ลูกหลานได้ ขณะนี้ทำไปแล้ว 1.3 ล้านไร่ ท่านบอกว่าไม่มีผลงานเลย ผมว่าไม่ใช่ละมั้ง การทำงานใดๆ ก็ตามต้องมีหลักการ ไม่ใช่ว่าทำอย่างไรก็ได้ การที่ผู้อภิปรายพูดมา ลองทำดูว่าจะวุ่นวายขนาดไหน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า ตนไม่เคารพพระ การที่ผู้อภิปรายเอารูปมาแสดงในห้องนี้ ตนมองว่าไม่สมควร การที่ตนกำกับดูแลในเรื่องศาสนา ก็มีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อยู่กับตนด้วย และก็มีสำนักพุทธฯ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่สามารถสั่งการอะไรได้เอง เพราะทั้งหมดต้องปรึกษาอยู่ในการอนุมัติอนุญาตของกรรมการมหาเถรสมาคม และในส่วนสำนักพุทธฯ ก็เป็นเลขาของมหาเถรสมาคม ฉะนั้นต้องมีการปรึกษาหารือความเห็นชอบอะไรต่างๆ
“ส่วนที่กล่าวหาว่าผมไปโอบคอพระนั้น ผมจำได้ว่าผมเดินอยู่กับพระ และท่านก็มาเกาะเหมือนเดินไปด้วยกัน ท่านก็มาแตะหลังผม ผมก็ประคองท่านไป แสดงถึงความไม่เคารพพระตรงไหน อีกรูปนั้น ฉวยโอกาสรูปที่ผมพนมมือแล้วพระท่านนั่งอยู่ ผมก็ยกมือไหว้เพื่อเดินผ่าน เพื่อทำอย่างอื่น ทำไมผมถึงไม่เคารพพระ ขอให้เข้าใจด้วย ผมคนไทยพุทธอยู่แล้ว ดูแลทุกศาสนาให้เกิดความสุข อยู่ร่วมกันในพหุสังคมทุกศาสนา 5 ศาสนาในประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวขอบคุณข้อมูลต่างๆ อันเป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ หลายอย่างเป็นข้อมูลที่ดี เพื่อปรับปรุงการทำงานต่อไป และทุกคนต้องเข้าใจว่า รัฐบาลต้องดูแลคนทั้งประเทศ และเราก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ก็คงไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกันดูแลให้สังคมปลอดภัย คนดี คนไม่ดี ใครก็แล้วแต่ ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง ในฐานะรัฐบาลก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันเป็นสังคมที่มีคุณธรรม ไม่ขัดแย้งด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ด้วยการยุแยงตะแคงรั่ว หรืออยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเหล่านี้คืออันตรายของประเทศไทย ตนเองขอยืนยันในความสุจริตว่า ทุกคนนั้นอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หากมีการกระทำความผิดก็จะไม่มีการยกเว้น เราต้องทำให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ต้องเคารพในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ หลายคนบอกว่า ตนทำความผิด ไม่มีการตรวจสอบ ทั้งที่ตนถูกตรวจสอบมาตลอด มีเรื่องมาทุกครั้ง ฟ้องมาเป็นร้อยคดีแล้ว ตนก็ชี้แจงไป จัดผู้แทนไปแก้คดี 300-400 คดีแล้ว ตนไม่ถูกตรวจสอบตรงไหน ตนไม่เข้าใจ ป.ป.ช. ตนก็แจ้งบัญชีทรัพย์สินไปแล้ว ครั้งที่แล้วที่บอกว่าตนไม่ได้แจ้ง ตนก็แจ้งไปแล้ว แม้กฎหมายบอกว่าไม่ต้องแจ้ง แต่ไม่เปิดเผยก็เรื่องของ ป.ป.ช. เข้าใจหรือยัง พูดอยู่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องเข้าใจก่อนว่า การปฏิรูปประเทศนั้นต้องอาศัยเวลาและความร่วมมือ ถึงจะไปได้ ความเห็นของท่านอันที่ดีกลับมาพิจารณา ถ้าได้ผลก็ทำให้ แต่ถ้ามีผลกระทบต่อคนอื่นก็จำเป็นต้องหารือกันให้ได้ข้อสรุปออกมา การปฏิรูปเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำวันเดียวเสร็จ เพราะปัญหาทับซ้อนมายาวนาน เราต้องมีแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำแผนระยะสั้น ระยะยาว การพูดอย่างเดียวและไม่ได้ทำ พูดยังไงก็พูดได้ ถ้าทำก็จะเจอปัญหาอย่างที่ว่า แล้วจะแก้ยังไง ถ้าไม่ใช้หลักการที่ยอมรับได้ บางอย่างก็เห็นผลแล้ว บางอย่างก็กำลังจะสัมฤทธิ์ผลเมื่อถึงเวลาของมัน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ พวกเราต้องอดทนยอมรับความเปลี่ยนแปลง เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องของกฎหมาย 6 กฎหมายที่ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประเทศชาติและประชาชนโดยรวม ได้แก่ 1. พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ทำทุกอย่างให้โปร่งใส 2. พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ 3. พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 4. พ.ร.ก.แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 5. พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย ช่วยสังคมแทนการรับโทษทางอาญา 6. พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา อย่างไรก็ขอให้ผู้กู้รายเก่าชำระคืนด้วย เมื่อตนพูดตอนนี้ไปแล้วก็ไปติดตามว่าจะได้ประโยชน์ตรงนี้อย่างไร หากไม่ฟังกันเลยก็ไม่ได้ประโยชน์ทั้งสิ้น ก็จะมีแต่ปัญหา และหน้าที่ตรงนี้ เราต้องร่วมมือกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อแก้กฎหมายที่ล้าสมัยเหล่านี้ให้ได้ดีที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเรื่องของการปฏิรูปกองทัพ ได้มีการปรับลดกำลังพลกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กองทัพมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นำระบบข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาใช้ เพื่อลดจำนวนข้าราชการระดับสูง
“ทหารเกณฑ์ก็มีในส่วนของคนสมัครใจด้วย ผมเห็นว่าทุกอย่างกำลังเคลื่อนที่ไปได้ด้วยดี หลายคนบอกว่า ไม่ต้องมีหรอก ทหารเอาไว้ไปเป็นแล้วกัน มีเรื่องมาก็ไปอยู่ชายแดนกับเขาด้วยแล้วกัน มีเหตุการณ์ต่างๆ ก็ไปช่วยเขาด้วยแล้วกัน ไปช่วยกันแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งกับเขาด้วยแล้วกัน อย่าพูดปากเปล่าเฉยๆ วันนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าโลกเป็นอย่างไร จะบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย ความขัดแย้งพร้อมที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา เรื่องการปรับปรุงสวัสดิการกองทัพ เน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกำลังพล รวมถึงครอบครัว เรื่องที่กล่าวมา ผมจะสอบสวนทุกอันในเรื่องผลประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ ถึงบอกว่าคนดีคนชั่วก็มี ถ้ามีเรื่องขึ้นมาก็ต้องดำเนินคดี ตรวจสอบลงโทษไม่มีข้อยกเว้น เรื่องยุทโธปกรณ์จำเป็นต้องมีความพร้อม วันนี้ถ้าบอกว่าไม่พร้อมไม่ต้องมีก็ได้ ซื้อแล้วจะมีการทุจริตการโกง ผมว่าคิดแบบนี้ไม่ได้ ตรรกะไม่ได้ ถ้าโกงก็เล่นงานไป ก็ลงโทษไป ก็ติดคุกไป ถ้าพูดอย่างนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรเลยหรือไง วันหน้าผมขอเชิญคนที่พูดไปขึ้นเครื่องบิน C-130 สักลำจะกล้าขึ้นไหม เพราะซ่อมมาอายุ 40 ปีแล้ว แต่ละลำเขาเสี่ยงกันเท่าไหร่ กล้าขึ้นหรือไม่ การจัดหายุทโธปกรณ์ก็ต้องคำนึงถึงภัยคุกคามใน 5-10 ปีข้างหน้าไปด้วย ผิดก็คือผิด ไม่ใช่อันนี้ก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่จำเป็น เอาไว้ถึงเวลาท่านมาเป็นให้ผมก็แล้วกัน เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็ไม่มีเวลาไปเกณฑ์ใครมาได้อยู่แล้ว ท่านบอกว่าเรียกมาฝึกสักเดือนแล้วค่อยไปรบ ผมถามว่าจะรบได้ไหม กล้าไปอยู่ชายแดนไหม เช้า กลางวัน เย็น กลางคืน เป็นเดือนๆ มืดๆ มีใครกล้ามาเลย สมัครมาเลย มุ่งเน้นการซ่อมปรับปรุง วันนี้ซ่อมแล้วซ่อมอีก มีอยู่ 10 คัน ซ่อมไปซ่อมมา เหลือคันเดียวแล้ว จะพร้อมรบได้อย่างไร ในยามไม่มีการรบ เขาเรียกว่าการเตรียมกำลัง เตรียมยุทโธปกรณ์ให้พร้อม ให้พอเพียง ให้เป็นศักยภาพของเรา เพื่อที่จะระงับความขัดแย้งต่างๆ ไม่ใช่เพื่อไปสู้รบกับเขา ไม่มีอะไรที่สำคัญหรือไม่สำคัญ แต่ต้องมองในภาพรวม การเป็นรัฐบาลไม่ใช่จะหาเสียงให้ๆ แจกๆ ต้องดูทุกคนทุกส่วนให้ได้รับความยุติธรรม ให้มีการเจริญเติบโตก้าวหน้า ให้เติบโตเข้มแข็ง นั่นคือศักยภาพของประเทศไทย ยืนยันว่าดำเนินการทั้งหมดในส่วนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทุกวันนี้ก็พยายามซ่อมให้รบได้ ให้วิ่งได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ ต้องเตรียมความพร้อมไหม อันนี้ตัดทิ้งหมด อันนั้นก็ไม่ซื้อ อันนี้ก็ไม่ให้ใช้ เพราะกลัวว่าจะซื้อแล้วโกง ก็ไปหาหลักฐานมาว่าโกงตรงไหน โกงเท่าไหร่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเรือหลวงสุโขทัย คณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงมีอยู่หลายคณะด้วยกัน คณะทำงานตรวจสอบสาเหตุที่อับปางทั้ง 2 คณะ กำลังเร่งดำเนินการสอบผู้เกี่ยวข้องหาข้อเท็จจริงโดยเร็ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิดตามระเบียบที่เกี่ยวข้องควบคู่ไปกับคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง มีสมาชิกท่านหนึ่งรอบรู้มากในการสร้างเรือ ตนขอคำแนะนำด้วยแล้วกัน เพราะรู้หมดทุกชิ้นส่วนเลย อันนี้เป็นเรื่องของทางเทคนิค ก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขาบ้าง คนเสียชีวิตทุกคนไม่อยากให้มีใครเสียชีวิตอยู่แล้ว กำลังพลที่เสียชีวิตก็ช่วยเหลือทุกอย่าง สิทธิที่พึงได้รับขั้นต้น และการเสนอเลื่อนชั้นเงินเดือน การเสนอขอพระราชทานยศ เลื่อนยศสูงขึ้น พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ บำเหน็จตกทอด บำนาญพิเศษ บรรจุทายาททดแทน ท่านต้องคิดอะไรให้เป็นรูป ถ้าคิด 1 ต้องได้ 2, 2 ต้องได้ 3 ตนคิดว่าไม่ใช่ต้องเอา 1 2 3 4 5 มารวมกันแล้วคิดออกมาถึงจะทำงานได้
ส่วนการปฏิรูปตำรวจเป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำทันที ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ใช่การสร้างปัญหาใหม่ ถ้าใครคิดว่าเสียเงินแต่งตั้งตำรวจ มาหาตน เพราะตนไม่เคยมีนโยบายให้ใครไปเรียกรับผลประโยชน์ ถ้าใครปล่อยปละละเลย ขอให้มีหลักฐานมา ตนสอบสวนให้ ดำเนินการให้ วันนี้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญอย่าไปให้เขา
“ถ้าเขาเรียก แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ถ้าผิดยอมรับผิด ถ้าผิดแล้วไปเสนอเงินให้เขา ก็เป็นอยู่แบบนี้ ถ้าไม่ผิดเรียกเงินก็เล่นงานให้เต็มเครื่องเต็มที่ ผมสนับสนุนท่านอยู่แล้ว ปัญหาเหล่านี้ทับซ้อนมานาน ท่านคิดหรือว่า ผมจะไม่ให้ความสนใจ ผมทำทุกเรื่องทุกกระทรวงทุกกิจกรรม แต่ปัญหามันต้องมี ผมยืนยันหลักการว่า ผมจะทำอย่างเต็มที่ และอย่างน้อยที่ทำมาทั้งหมด ทำได้ดีกว่าก่อนหน้านั้นหลายเรื่องด้วยกัน มากมายหลายเรื่อง มากกว่าที่ผ่านมาเยอะแยะ มองดูส่วนดีบ้าง ส่วนไม่ดีก็ต้องมี ก็ต้องแก้ไขกันต่อไป ใครจะเป็นนายกฯ ก็แล้วแต่ ก็แก้ให้ดีกว่าที่ผมแก้ก็แล้วกัน บางพรรคผมยังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ใครจะเป็นนายกฯ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ถามสมาชิกที่ยกมือว่า “คนที่ยกมือ ใครเป็นนายกฯ พรรคท่านครับ” ก่อนจะนั่งลง จบการชี้แจง. – สำนักข่าวไทย