กรุงเทพฯ 17 พ.ค.-ก.แรงงาน ย้ำขอความร่วมมือนายจ้างปฏิบัติให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ เกี่ยวกับการลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพล ต้องอนุญาตให้ลูกจ้างลาและจ่ายค่าจ้างในวันที่ลาเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานและรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิม
พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวง กลาโหม โดยกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ได้ทำการเรียกทหารกองหนุนเข้ารับการเรียกพลเพื่อตรวจสอบและฝึกวิชาทหาร ระหว่างเดือน มี.ค.–ก.ค.2560 กระทรวงแรงงานจึงออกประกาศขอความร่วมมือนายจ้างปฏิบัติตามพ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 โดยนายจ้างที่มีลูกจ้างซึ่งเป็นทหารกองหนุนทำงานอยู่และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายปฏิบัติให้ถูกต้องตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541มาตรา 35 และมาตรา 58 ในส่วนที่เกี่ยวกับการลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพล เพื่อการตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร หรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อมตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารและในการจ่ายค่าจ้างในวันที่ลาด้วย
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวเสริมว่า เมื่อลูกจ้างได้รับคำสั่งเรียกพล (ตพ.17) หรือหมายเรียกพล (ตพ.13)เพื่อตรวจสอบและฝึกวิชาทหาร ประจำปี 2560ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497ให้ลูกจ้างนำคำสั่งหรือหมายเรียกดังกล่าวแสดงต่อนาย จ้าง พร้อมขออนุญาตลาหยุดงาน โดยนายจ้างต้องอนุญาตให้ลูกจ้างลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพลครั้งนี้ ตามกำหนดเวลาและสถานที่ ที่ปรากฏในคำสั่งหรือหมายเรียกพล เมื่อครบระยะเวลาการฝึกแล้ว ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นกำลังพลสำรองนำเอกสารขอความร่วมมือในการจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้าง (ตพ. 22) ไปแสดงต่อนายจ้างเพื่อขอรับค่าจ้าง โดยให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในวันลาเพื่อรับราชการทหารเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ปีหนึ่งต้องไม่เกินหกสิบวัน พร้อมทั้งรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิม
ทั้งนี้ การเรียกกำลังพลสำรองเข้ารับราชการทหารในกรณีนี้ ไม่รวมถึงการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ (เกณฑ์ทหาร) .-สำนักข่าวไทย