ศาลรัฐธรรมนูญ 9 พ.ค.- คปพ.ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมขัด รธน.มาตรา 77 วรรคสอง ไม่รับฟังความเห็นประชาชน คาด ภายใน 1 เดือน จะทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาหรือไม่
เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) นำโดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในฐานะประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ถูกละเมิดสิทธิ ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่ สนช.ลงมติผ่านวาระ 3 เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 วรรคสอง เนื่องจากไม่ได้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และไม่ได้เผยแพร่ร่างให้ประชาชนได้รับทราบ
“นอกจากนี้ เป็นการเร่งรัดการดำเนินหาร เนื่องจากการพิจารณาของ สนช.เร่งพิจารณา 3 วาระรวด ก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศ และหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้ว มีเวลากว่า 10 วันที่ จะนำร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมทูลเกล้าฯ แต่รัฐบาลก็ไม่ดำเนินการตาม มาตรา 77 วรรคสอง ทั้งที่มีเวลาอยู่ ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และขัดหลักธรรมมาภิบาล” นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ์ สามารถยื่นเรื่องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงขอประเดิมในการใช้สิทธิ์นี้ เพื่อรักษาสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทั้งปวง และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การทูลเกล้าฯ พ.ร.บ. ปิโตรเลียม (ฉบับที่..) พ.ศ. … นั้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 77 วรรคสอง และมาตราอื่นๆ หรือไม่
ต่อข้อถามว่า จะอ้างว่าเป็นการร่างกฎหมาย โดยยังไม่มีรัฐธรรมนูญใหม่ จึงยังไม่ต้องดำเนินการตามมาตรา 77 วรรคสอง ได้หรือไม่ นายปานเทพ กล่าวว่า หาก สนช.เข้าใจ การรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 77 วรรคสอง ต้องทำในระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมาย ดังนั้น ก่อนที่จะถึงวันที่ 30 เมษายน จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ตามรัฐธรรมนูญบัญญัติว่า ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ก่อนที่จะตรากฎหมาย ดังนั้น การที่รัฐธรรมนูญเขียนอย่างนี้ แสดงว่าจะต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตั้งวันที่ 30 เมษายน ถึงวันที่จะนำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นทูลเกล้าฯ
“ยืนยัน การยื่นต่อรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของชาติและส่วนรวม ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง” นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวว่า หลังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ แล้ว คำร้องนี้เป็นคำร้องแรก ที่ยื่นให้วินิจฉัยตามมาตรา 77 ซึ่งก็จะรอดูการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากรับคำร้องดังกล่าวไว้วินิจฉัย ก็จะเท่ากับว่าเป็นการสร้างบรรทัดฐานว่า ถ้าประชาชนถูกละเมิดสิทธิ์ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ก่อนการตรากฎหมาย ก็สามารถใช้สิทธิ์ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
“ทราบว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมทุกสัปดาห์ โดยแต่ละครั้งจะพิจารณาคำร้อง 5-6 คำร้อง ดังนั้น กรณีนี้เชื่อว่าไม่เกิน 1 เดือน จะทราบว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่” นายปานเทพ กล่าว
นายเนเทพ ยังฝากถึงนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ ภาคประชาชนได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องนายกรัฐมนตรีก็ควรชะลอการนำร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ขึ้นทูลเกล้าฯ หรือ หากขณะนี้มีการทูลเกล้าฯ ไปแล้ว แต่ยังไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย นายกรัฐมนตรีก็สามารถไปขอพระราชทานคืน เพื่อนำมาดำเนินการให้ถูกต้อง
“หลังจากนี้ คปพ.ก็จะทำจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ และยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินอีกครั้ง เพื่อให้พิจารณาว่า กฎหมายดังกล่าวยังไม่ได้มีการดำเนินการ ตามมาตรา 77 วรรคสอง” นายปานเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นคำร้องครั้งนี้ นายปานเทพ ได้นำคำร้องจำนวน 800 หน้า บรรจุในกระเป๋าเดินทางจำนวน 2 กระเป๋า เนื่องจากจะต้องสำเนาคำร้องให้ตุลาการทั้ง 9 คน .-สำนักข่าวไทย