ทำเนียบ 28 ธ.ค.-เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เยี่ยมคำนับ “พล.อ.ประวิตร” ยืนยัน ความร่วมมือทุกมิติ ยกระดับความสัมพันธ์ ฟื้นการค้า-การลงทุน-การท่องเที่ยว หลังโควิด-19 คลี่คลาย
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นาย นาเคศ สิงห์ (H.E. Mr. Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
พล.อ.ประวิตร กล่าวแสดงความยินดีที่ นาย นาเคศ สิงห์ ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ในครั้งนี้ ซึ่งอินเดียถือเป็นมิตรประเทศกับไทย มาอย่างยาวนาน มีความร่วมมือทั้งทางด้าน ความมั่นคง ทางบก ทางทะเล และทางอากาศ โดยเฉพาะความมั่นคงด้านทะเล อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการฝึกอบรมด้านความมั่นคงไซเบอร์ รวมถึงการที่อินเดียเข้าร่วมฝึกคอบร้า-โกลด์ ในฐานะผู้สังเกตการณ์ และจะมีการเข้าร่วมฝึกเต็มรูปแบบ ในโอกาสต่อไป ด้านเศรษฐกิจ อินเดียเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยที่มีมูลค่าการค้ามากถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ โดยในปี65 อินเดียเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มกว่าร้อยละ 85 ของไทย สำหรับด้านสาธารณสุข ในช่วงสถานการณ์รุนแรงของ โควิด-19 ทั้ง 2ประเทศ ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านการแพทย์ สาธารณสุข รวมทั้งการวิจัยและยา อย่างดียิ่ง
ด้านนาย นาเคศ สิงห์ กล่าวขอบคุณ รัฐบาลไทย และพล.อ.ประวิตร ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และมิตรไมตรี ยืนยันความร่วมมือกับรัฐบาลไทย เพื่อส่งเสริมและยกระดับความสัมพันธ์อันดีให้แน่นแฟ้น มากยิ่งขึ้น ทั้งด้านความมั่นคง การฝึกร่วมทางทหาร การป้องกันภัยคุกคามระหว่างประเทศ และการค้าการลงทุน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจร่วมกันระหว่างทั้ง 2ประเทศ รวมถึงความร่วมมือในกรอบอาเซียน และอื่นๆ
พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณ รัฐบาลอินเดีย และนาย นาเคศ สิงห์ เอกอัครราชทูตฯ ในความร่วมมือส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อประเทศไทย และคนไทย ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนการปฎิบัติหน้าที่ของท่าน อย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2ประเทศ ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม และการศึกษา พร้อมทั้งได้เชิญชวนนักลงทุนอินเดียให้มาร่วมลงทุนในพื้นที่EEC ของไทย โดยเฉพาะขอให้อินเดียช่วยซื้อน้ำมันปาล์มจากประเทศไทยให้มากขึ้น ในช่วงเดือน มี.ค.66 ซึ่งไทยจะมีผลผลิตปาล์ม จำนวนมาก และเชิญชวนคนอินเดียให้มาเที่ยวเมืองไทยให้มากขึ้น เหมือนเช่นในอดีตด้วย.-สำนักข่าวไทย.