กทม. 4 พ.ค. – กรมส่งเสริมสหกรณ์เรียกประชุมสหกรณ์แท็กซี่ 58 แห่ง กำหนดระเบียบให้คนขับแท็กซี่ของสหกรณ์ทุกคนต้องเป็นสมาชิกสหกรณ์ และต้องตรวจสอบเข้มงวด เพราะที่ผ่านมาหลายครั้งแท็กซี่หละหลวมในการตรวจสอบประวัติผู้เช่าจนมีการก่อเหตุอาชญากรรม
คนขับรถแท็กซี่คนนี้ต้องแสดงบัตรประชาชนและใบขับขี่รถสาธารณะตัวจริง พร้อมบันทึกประวัติส่วนตัว ซึ่งเป็นมาตรการคัดกรองของสหกรณ์รถแท็กซี่ย่านบึงกุ่ม และต้องมีสมาชิกในสหกรณ์แนะนำมาเท่านั้นจึงจะได้รับการอนุมัติ เพื่อป้องกันการใช้อาชีพนี้ไปก่อเรื่อง เช่น คดีข่มขืนชาวบราซิลเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่คนขับรถแท็กซี่นำรถที่หมดสัญญาเช่ากับสหกรณ์ไปก่อเหตุ ทำให้ตรวจสอบประวัติและติดตามตัวยาก
คนขับรถแท็กซี่ สมาชิกสหกรณ์คนนี้ ขับรถมานานกว่า 10 ปี เขาเห็นว่าเหตุร้ายที่เกิดกับผู้โดยสารบ่อยครั้ง ส่งผลต่อภาพลักษณ์คนขับรถแท็กซี่ โดยเฉพาะถูกผู้โดยสารหวาดระแวง
กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ผู้ขับขี่รถสาธารณะจะต้องแสดงข้อมูลผู้ขับรถและทะเบียนรถ เช่นเดียวกับคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ที่ระบุให้ต้องแสดงเลขทะเบียนสมาชิกชื่อสหกรณ์ไว้ภายในรถให้เห็นชัดเจน และสหกรณ์จะต้องตรวจคุณสมบัติ จัดทำทะเบียนสมาชิก
ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ให้ข้อมูลว่า ผู้ประกอบการและสหกรณ์บางแห่งลดเงื่อนไข ผ่อนผันระเบียบในการตรวจสอบประวัติสมาชิก เพื่อลดความยุ่งยากและให้ได้สมาชิกเพิ่มขึ้น ส่วนผู้เช่ารถต่อจากสมาชิกบางรายก็ไม่ได้แจ้งให้สหกรณ์ทราบและไม่มีใบขับขี่สาธารณะ
รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ให้สัมภาษณ์ว่า ระเบียบสหกรณ์เดิมไม่ได้บังคับให้คนขับแท็กซี่ต้องเป็นสมาชิกสหกรณ์ จึงไม่รู้ที่มาของคนขับ รถบางคันใช้งานเกิน 9 ปี ต้องปลดระวาง แต่สหกรณ์ไม่สามารถติดต่อคนขับได้ และการนำรถไปรับผู้โดยสารต่อถือว่าผิดกฎหมาย มีการประชุมร่วมกันของกรมกับสหกรณ์แท็กซี่ 58 แห่ง เมื่อต้นสัปดาห์ โดยกำหนดจัดตั้งกรรมการเพื่อกำหนดระเบียบบังคับกับสหกรณ์ขึ้นใหม่ ให้คนขับรถทุกคนต้องเป็นสมาชิก และกรมจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ หากไม่ทำตาม โทษสูงสุดถึงขั้นยกเลิกสหกรณ์ และในระยะยาวจะนำเทคโนโลยีเช่นการแสดงตัวตนก่อนขับรถมาบังคับใช้
ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก มีแท็กซี่มากกว่า 100,000 คัน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นรถแท็กซี่ส่วนบุคคล 30,000 คัน รถบริษัทหรืออู่ 20,000 คัน และรถสหกรณ์ 60,000 คัน รถแท็กซี่ยังคงเป็นรถบริการสาธารณะที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด ปีที่แล้วมีผู้ร้องเรียนมากกว่า 40,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องปฏิเสธผู้โดยสาร และไปก่อเหตุร้าย. – สำนักข่าวไทย