ชลบุรี 4 ธ.ค. – อธิบดีกรมปศุสัตว์ สั่งสารวัตรและเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์บุกตรวจแหล่งลักลอบผลิตเนื้อสัตว์แหล่งใหญ่ จ.ชลบุรี พบนำเนื้อสัตว์และเครื่องในแช่ถังฟอร์มาลีน จึงยึดอายัดไว้ 25,000 กก. ตรวจพบหลักฐานการจำหน่ายเนื้อและเครื่องในให้แก่ร้านหมูกระทะและร้านอาหารอีสานในพื้นที่ชลบุรีและใกล้เคียง
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า สั่งการให้นายสัตวแพทย์ชุติพล มงคลรัตน์ ผู้อำนวยการกองสารวัตรและกักกัน ร่วมกับนายสัตวแพทย์จิรภัทร อินทร์สุข หัวหน้าด่านกักกันสัตว์ชลบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสถานประกอบกิจการผลิตแปรรูปวัตถุดิบเนื้อและเครื่องในสัตว์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการลักลอบผลิตเนื้อสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงหวั่นแพร่โรคระบาดสัตว์ร้ายแรง
ผลการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า สถานประกอบการดังกล่าวไม่มีการขออนุญาตผลิตอาหาร ไม่มีเอกสารใบอนุญาตค้าซากสัตว์ (ร.10) ไม่มีเอกสารเคลื่อนย้ายซากสัตว์ (ร.3) และไม่มีเอกสารรับรองให้จำหน่ายเนื้อสัตว์ (รน.) ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาด พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559
นอกจากนี้ยังพบว่า ใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตวัตถุดิบชิ้นส่วนเครื่องในวัวและเครื่องในหมู ประกอบด้วย ฟอร์มาลีน โซดาไฟ และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ โดยมีชิ้นส่วนสไบนางที่ผลิตแปรรูปแช่อยู่ในถังน้ำผสมสารฟอร์มาลีน
ทั้งนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ยึดอายัดของกลางเป็นชิ้นส่วนเนื้อและเครื่องในหมูและวัวที่อยู่ในสถานประกอบการและในตู้แช่เย็นคอนเทนเนอร์กว่า 25,000 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท นอกจากนี้ได้ยึดอายัดของกลางสารเคมีและแกลลอนบรรจุสารฟอร์มาลีน ขนาด 25 ลิตร กว่า 50 แกลลอน รวมถึงได้ยึดใบเสร็จกว่า 2,300 ใบ ที่เป็นหลักฐานการขายให้ลูกค้าร้านหมูกระทะและร้านอาหารอีสาน 66 ราย พนักงานเจ้าหน้าที่นำตัวอย่างเนื้อและเครื่องในสัตว์ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ สำนักตรวจสอบคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อตรวจหาเชื้อโรคปนเปื้อนที่เป็นอันตราย และตรวจหาสารเคมีตกค้าง (ฟอร์มาลีน) โดยคาดว่า เจ้าของกิจการนำเครื่องในแช่ฟอร์มาลีนเพื่อไม่ให้เน่า แช่โซดาไฟเพื่อให้เนื้อและเครื่องในเด้งกรอบ เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นด่าง ส่วนที่แช่ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งเป็นสารฟอกขาว เพื่อให้เครื่องในขาว
ในระหว่างเข้าตรวจสอบ เจ้าของยังไม่สามารถแสดงแหล่งที่มาของชิ้นส่วนเนื้อและเครื่องในสัตว์ได้ จึงห้ามเจ้าของกิจการโยกย้ายถ่ายเทของกลางที่อายัดไว้ เนื่องจากไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และมีความเสี่ยงแพร่เชื้อโรคระบาดสัตว์ร้ายแรง เช่น แอฟริกาอหิวาต์ในสุกร (ASF) โรคปากและเท้าเปื่อย เป็นต้น โดยให้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาแสดงภายใน 15 วัน หากไม่สามารถนำมาแสดงได้ พนักงานเจ้าหน้าที่จะทำลายด้วยการฝังหรือเผา และดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องถึงที่สุด
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศ ขยายผลตรวจสอบสถานประกอบการในลักษณะเดียวกันนี้ หากพบการกระทำผิดให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทุกราย
ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลเพิ่มเติม สามารถแจ้งได้ที่แอปพลิเคชัน DLD 4.0 หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย