ตลท. ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพกลไกซื้อขายหลักทรัพย์

กรุงเทพฯ 30 พ.ย.- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศแนวทางการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์


สืบเนื่องจากกรณีการซื้อขายหลักทรัพย์ บมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE) ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ได้มีการทำงานร่วมกันและประสานงานกับหน่วยงานกำกับมาอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และยังได้หารือร่วมกับหน่วยงานภาคตลาดทุนในการปรับปรุงกระบวนการและกลไกการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที สร้างความเชื่อมั่น สร้างการทำงานที่มีเอกภาพ ดังนี้

ในระยะสั้น สิ่งที่บริษัทหลักทรัพย์สามารถดำเนินการได้ทันทีเพื่อบริหารความเสี่ยง ได้แก่


ทบทวนการพิจารณา risk profile ของลูกค้าที่อาจมีความไม่เหมาะสม มีความเสี่ยงสูง เช่น ลูกค้าที่มีวงเงินสูง มีการซื้อขายกระจุกในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะหุ้น Market Cap เล็ก

พิจารณาปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติงานภายใน เพื่อลดและป้องกันความเสี่ยง รวมทั้งสร้างความพร้อมในการรับมือวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น เช่น การพิจารณาวงเงิน การพิจารณามูลค่าหลักประกัน

การปรับปรุงประสิทธิภาพในระยะยาว ในประเด็นต่างๆ ทั้งเชิงโครงสร้าง การปรับเกณฑ์ทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาดำเนินการในอนาคต ได้แก่


บริษัทหลักทรัพย์

ปรับปรุงกฎเกณฑ์ และมาตรฐานและระเบียบวิธีการดำเนินงาน เช่น การพิจารณาลูกค้า แนวทางการให้วงเงินลูกค้าการพิจารณาหลักประกัน

พัฒนาศูนย์ข้อมูล (Investor Information Bureau) เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการบริหารความเสี่ยงเช่นเดียวกับ credit bureau เช่น ข้อมูลวงเงิน ข้อมูลการใช้วงเงิน เป็นต้น

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการรับหลักทรัพย์ และกระบวนการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

ปรับปรุงเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ในแต่ละตลาด (SET, mai, LiVEx) ให้มีความเหมาะสม

ปรับปรุงกฎเกณฑ์การซื้อขาย การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ ให้สอดคล้องกับพัฒนาการ และความซับซ้อนของภาวะตลาดในปัจจุบัน

ปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบข้อมูล รวมทั้งแก้ไขกฎเกณฑ์การใช้ข้อมูลที่สำคัญเพื่อใช้ในการตรวจสอบและวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อขาย เช่น ข้อมูลการถือครองหุ้น เป็นต้น

ปรับปรุงขั้นตอนในการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลและหน่วยงานอื่นๆ ให้สามารถป้องกันและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงทีและเหมาะสม

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย จะหารือกับผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน ผสานความร่วมมือทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สาวซิ่งรถหรูชนท้าย จยย. ทำแม่ลูกดับ 3 ศพ

แม่ขี่ จยย.ไปรับลูก 2 คน กลับจากเรียนพิเศษ ถูกสาวขับรถหรูซิ่งชนท้าย ร่างกระเด็นตกสะพานข้ามรางรถไฟ เสียชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุอุ้มแมว ทิ้งรถ หลบหนีไป

ปิดล้อมล่ามือปืนคลั่งสังหาร 3 ศพ

ตำรวจเร่งไล่ล่ามือปืนคลั่งก่อเหตุยิง 3 ศพ ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุดปิดล้อมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอยต่อ จ.เลย หลังพบเบาะแสคนร้ายหนีไปซ่อนตัว ขณะที่ชนวนสังหารยังไม่แน่ชัด

ลูกชายมือปืนคลั่งยิง 3 ศพ พาครอบครัวหนีตาย พ่อโพสต์ขู่ฆ่าล้างครัว

ลูกชายมือปืนคลั่งยิงดับ 3 ศพ ต้องพาภรรยาและลูก รวมถึงพ่อตา-แม่ยาย หนีไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังพ่อโพสต์ข้อความขู่จะฆ่าล้างครัว เหตุจากปัญหาในครอบครัว

ชายคลั่งยิง3ศพ

ชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ โผล่วัดที่ จ.เลย ขอข้าวกิน ก่อนหนีเข้าป่า

แม่ครัววัดภูคำเป้ ต.ผาสามยอด อ.เอราวัณ จ.เลย เผยพบชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ เดินเข้ามาในวัดด้วยสภาพอิดโรย ขอข้าวกิน ลักษณะรีบกินเหมือนวิตกกังวล หลังกินเสร็จรีบเดินเข้าป่าหายไป ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

ข่าวแนะนำ

คานถล่มพระราม2

ตร.ทางหลวง แนะเลี่ยงถนนพระราม 2 หลังการจราจรเข้าขั้นวิกฤต

ตำรวจทางหลวง เผยการจราจรถนนพระราม 2 เข้าขั้นวิกฤต แนะเส้นทางเลี่ยงทั้งขาเข้าและขาออกกรุงเทพมหานคร ยังไม่ชัดเปิดการจราจรได้ตามปกติเมื่อใด

คานถล่มพระราม2

“สุริยะ” สั่งผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง ถนนพระราม 2 ตัดสิทธิ์รับงาน 2 ปี

“สุริยะ” รมว.คมนาคม เผยเย็นวันนี้เตรียมกลับไปตรวจสอบสาเหตุคานเหล็กก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ถล่ม สั่งการผู้รับเหมาหยุดก่อสร้าง รวมทั้งตัดสิทธิ์รับงาน 2 ปี และขอให้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการลดชั้นผู้รับเหมา เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ

น้ำท่วมยะลา

น้ำท่วมยะลาวันที่ 3 ระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กระทบ 8 อำเภอ

วิกฤตน้ำท่วมยะลาวันที่ 3 ระดับน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ย่านการค้าเศรษฐกิจ พื้นที่รอบนอกยังอ่วม ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย สรุปกระทบ 8 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อน 131,685 คน