กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เริ่มทรงตัว ยังคงระบาย 900 ลบ.ม./วัน ขณะที่ปริมาณน้ำไหลเข้าเริ่มลดลง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม กรมชลประทานจะทยอยปรับลดการระบาย เพื่อบรรเทาผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน
โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ สำนักชลประทานที่ 10 รายงานว่า ปริมาณและระดับน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เริ่มทรงตัว โดยวันนี้ (10 ต.ค.) ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำมี 1,089.62 ล้าน ลบ.ม. เมื่อเทียบกับความจุที่ระดับเก็บกัก 960 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 113.50% โดยลดลงกว่าวานนี้เล็กน้อย ซึ่งวานนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำมี 1,092.90 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำวันนี้ 869 ลบ.ม./วินาที หรือ 75 ล้าน ลบ.ม./วัน ลดลงกว่าเมื่อวานนี้ที่ 79 ล้าน ลบ.ม./วัน โดยอัตราการระบายวันนี้อยู่ที่ 900 ลบ.ม./วินาที หรือ 77 ล้าน ลบ.ม./วัน ซึ่งใกล้เคียงกับวานนี้
กรมชลประทาน คาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำสูงสุดไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แล้ว หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มจะทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าทยอยลดลง ดังนั้นกำลังพิจารณาปรับลดอัตราการระบาย เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีฝนตกหนักในลุ่มน้ำป่าสัก โดยเฉพาะบริเวณเหนือเขื่อนป่าสักฯ ส่งผลให้น้ำไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จนเต็มความจุ กรมชลประทานจำเป็นต้องระบายน้ำเพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของเขื่อนในอัตรา 900 ลบ.ม./วินาที ซึ่งน้ำที่ระบายจะไหลลงไปรวมกับน้ำที่มาจากคลองชัยนาท-ป่าสัก โดยได้ใช้ระบบชลประทานฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา รับน้ำส่วนหนึ่งผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ลงสู่คลองระพีพัฒน์ ตามศักยภาพของคลองที่รับได้ แล้วลำเลียงน้ำลงสู่คลอง 13 และคลองในแนวเหนือ-ใต้ เร่งระบายออกสู่แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง และอ่าวไทย ตามลำดับ เพื่อช่วยบรรเทาและลดผลกระทบในพื้นที่ทั้งด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
สำหรับปริมาณน้ำที่เหลือ ได้ควบคุมให้ไหลผ่านท้ายเขื่อนพระรามหก ในอัตรา 848 ลบ.ม./วินาที แล้วไหลมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จากนั้นจะไหลต่อมายัง อ.บางไทร โดยวันนี้มีน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.29A อ.บางไทร 2,982 ลบ.ม./วินาที ซึ่งไม่เกินความจุลำน้ำที่ 3,500 ลบ.ม./วินาที.-สำนักข่าวไทย