กรุงเทพฯ 22 ก.ย.-ธนาคารกรุงไทยรายงานค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 37.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มองกรอบเงินบาทวันนี้ที่ระดับ 37.15-37.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เฟดได้เดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ตามคาด ทว่า คาดการณ์ดอกเบี้ยเฟดหรือ Dot Plot ใหม่ ได้สะท้อนว่า เฟดยังคงมีแนวโน้มเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องแตะระดับ 4.40% ในปีนี้ และอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยถึง 4.60% ในปีหน้า พร้อมกับคงดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปจนถึงปี 2024 เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อให้สำเร็จ ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดคาดหวังว่า เฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้บ้างในปีหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลว่า การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอาจยิ่งกดดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวมากขึ้น หลังจากที่เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในสิ้นปีนี้เหลือ +0.2% (จากเดิม +1.7% ที่คาดการณ์ไว้ในการประชุมเดือนมิถุนายน) ซึ่งภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างเดินหน้าเทขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ นำโดย Amazon -3.0%, Apple -2.0% กดดันให้ดัชนี S&P500 ดิ่งลงกว่า -1.71%
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท ประเมินว่า เงินบาทยังมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าต่อเนื่องตามทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ซึ่งอาจเห็นแรงขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติในวันนี้ได้
นอกจากนี้ การย่อตัวของราคาทองคำรวมถึงราคาน้ำมันดิบ อาจทำให้มีผู้เล่นบางส่วนเข้าซื้อทองคำและน้ำมันในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจเป็นแรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าเช่นกันโซนแนวต้านถัดไปที่เป็นไปได้ของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 37.30-37.50 บาทต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบกว่า 20 ปี ใกล้ระดับ 111.5 จุด มีแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินยูโร (EUR) ท่ามกลางความเสี่ยงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,690 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด)
ด้านบมจ.ไทยออยล์รายงานราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เพื่อสกัดเงิน.-สำนักข่าวไทย